2 ซามูเอล 3 / 2 Samuel 3 [1]
[2]
[3]
[4]
[5]
[6]
[7]
[8]
[9]
[10]
[11]
[12]
[13]
[14]
[15]
[16]
[17]
[18]
[19]
[20]
[21]
[22]
[23]
[24]
3:1 บัดนี้มีสงครามกันอยู่นานระหว่างวงศ์วานของซาอูลกับวงศ์วานของดาวิด แต่ดาวิดก็เข้มแข็งยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ และวงศ์วานของซาอูลก็เสื่อมกำลังลงเรื่อย ๆ
3:1 Now there was long war between the house of Saul and the house of David: but David waxed stronger and stronger, and the house of Saul waxed weaker and weaker.ดาวิดทรงให้กำเนิดราชโอรสหกองค์ในเมืองเฮโบรน
3:2 และราชโอรสหลายองค์ถูกให้กำเนิดแก่ดาวิดในเมืองเฮโบรน และราชโอรสหัวปีของพระองค์คือ อัมโนน บุตรของอาหิโนอัมชาวยิสเรเอล
David Begets Six Children in Hebron
3:2 And unto David were sons born in Hebron: and his firstborn was Amnon, of Ahinoam the Jezreelitess;3:3 และราชโอรสองค์ที่สองของพระองค์คือ คิเลอาบ บุตรของอาบีกายิลภรรยาของนาบาลชาวคารเมล และราชโอรสองค์ที่สามคือ อับซาโลม บุตรชายของมาอาคาห์ราชธิดาของทัลมัยกษัตริย์แห่งเมืองเกชูร์
3:3 And his second, Chileab, of Abigail the wife of Nabal the Carmelite; and the third, Absalom the son of Maacah the daughter of Talmai king of Geshur;3:4 และราชโอรสองค์ที่สี่คือ อาโดนียาห์ บุตรชายของฮักกีท และราชโอรสองค์ที่ห้าคือ เชฟาทิยาห์ บุตรชายของอาบีทัล
3:4 And the fourth, Adonijah the son of Haggith; and the fifth, Shephatiah the son of Abital;3:5 และราชโอรสองค์ที่หกคือ อิทเรอัม บุตรของเอกลาห์ภรรยาของดาวิด ราชโอรสเหล่านี้ถูกให้กำเนิดแก่ดาวิดในเมืองเฮโบรน
3:5 And the sixth, Ithream, by Eglah David's wife. These were born to David in Hebron.3:6 และต่อมาขณะเมื่อมีการสงครามระหว่างวงศ์วานของซาอูลกับวงศ์วานของดาวิด อับเนอร์ได้กระทำตัวให้เข้มแข็งเพื่อวงศ์วานของซาอูล
3:6 And it came to pass, while there was war between the house of Saul and the house of David, that Abner made himself strong for the house of Saul.อับเนอร์ละทิ้งอิชโบเชทไปติดตามดาวิด
3:7 และซาอูลนั้นมีนางสนมคนหนึ่ง ผู้ซึ่งชื่อของนางคือริสปาห์ บุตรสาวของอัยยาห์ และอิชโบเชทตรัสกับอับเนอร์ว่า ทำไมท่านจึงได้เข้าหานางสนมของพระราชบิดาของเรา
Abner Deserts to Serve David
3:7 And Saul had a concubine, whose name was Rizpah, the daughter of Aiah: and Ishbosheth said to Abner, Wherefore hast thou gone in unto my father's concubine?3:8 แล้วอับเนอร์ก็โกรธมากเพราะถ้อยคำเหล่านี้ของอิชโบเชท และทูลว่า ข้าพระองค์เป็นหัวของสุนัขหรือ ซึ่งได้ต่อต้านยูดาห์โดยสำแดงความกรุณาวันนี้ต่อวงศ์วานของซาอูลพระราชบิดาของพระองค์ ต่อพวกพี่น้องของซาอูล และต่อเหล่ามิตรสหายของซาอูล และไม่ได้มอบพระองค์ไว้ในมือของดาวิด พระองค์จึงหาความใส่ข้าพระองค์วันนี้ด้วยเรื่องผู้หญิงคนนี้
3:8 Then was Abner very wroth for the words of Ishbosheth, and said, Am I a dog's head, which against Judah do shew kindness this day unto the house of Saul thy father, to his brethren, and to his friends, and have not delivered thee into the hand of David, that thou chargest me to day with a fault concerning this woman?3:9 ขอพระเจ้าทรงกระทำอย่างนั้นต่ออับเนอร์และให้หนักยิ่งกว่าด้วย ยกเว้นตามที่พระเยโฮวาห์ได้ทรงปฏิญาณไว้ต่อดาวิดแล้ว ข้าพระองค์ก็จะกระทำแก่เขาอย่างนั้น
3:9 So do God to Abner, and more also, except, as the LORD hath sworn to David, even so I do to him;3:10 ที่จะย้ายราชอาณาจักรจากวงศ์วานของซาอูล และสถาปนาพระที่นั่งของดาวิดเหนืออิสราเอลและเหนือยูดาห์ ตั้งแต่ดานถึงเบเออร์เชบา
3:10 To translate the kingdom from the house of Saul, and to set up the throne of David over Israel and over Judah, from Dan even to Beersheba.3:11 และอิชโบเชทไม่สามารถโต้ตอบอับเนอร์สักคำเดียวได้อีก เพราะพระองค์ทรงเกรงกลัวอับเนอร์
3:11 And he could not answer Abner a word again, because he feared him.3:12 และอับเนอร์ส่งพวกผู้สื่อสารไปยังดาวิดแทนตน โดยทูลว่า แผ่นดินนี้เป็นของผู้ใด และทูลด้วยว่า ขอทรงทำพันธสัญญากับข้าพระองค์ และดูเถิด มือของข้าพระองค์จะอยู่ฝ่ายพระองค์ เพื่อนำอิสราเอลทั้งสิ้นมามอบแด่พระองค์
3:12 And Abner sent messengers to David on his behalf, saying, Whose is the land? saying also, Make thy league with me, and, behold, my hand shall be with thee, to bring about all Israel unto thee.3:13 และดาวิดตรัสว่า ดีแล้ว เราจะทำพันธสัญญากับท่าน แต่สิ่งหนึ่งเราเรียกร้องจากท่าน คือว่า ท่านจะมิได้เห็นหน้าของเรา ถ้าท่านไม่นำมีคาลบุตรสาวของซาอูลมาให้เราก่อน เมื่อท่านจะมาเห็นหน้าของเรา
3:13 And he said, Well; I will make a league with thee: but one thing I require of thee, that is, Thou shalt not see my face, except thou first bring Michal Saul's daughter, when thou comest to see my face.3:14 และดาวิดส่งพวกผู้สื่อสารไปยังอิชโบเชทราชโอรสของซาอูล โดยกล่าวว่า ขอมอบมีคาลภรรยาของข้าพเจ้าให้แก่ข้าพเจ้า ผู้ซึ่งข้าพเจ้าได้หมั้นไว้สำหรับข้าพเจ้าด้วยหนังหุ้มปลายองคชาตของคนฟีลิสเตียหนึ่งร้อยชิ้น
3:14 And David sent messengers to Ishbosheth Saul's son, saying, Deliver me my wife Michal, which I espoused to me for an hundred foreskins of the Philistines.3:15 และอิชโบเชทได้ส่งไป และพามีคาลมาจากสามีของนาง คือจากปัลทีเอลบุตรชายของลาอิช
3:15 And Ishbosheth sent, and took her from her husband, even from Phaltiel the son of Laish.3:16 และสามีของนางก็เดินไปกับนาง โดยร้องไห้ตามหลังนางไปจนถึงตำบลบาฮูริม แล้วอับเนอร์กล่าวแก่เขาว่า จงไป กลับไปเสียเถิด และเขาก็กลับไป
3:16 And her husband went with her along weeping behind her to Bahurim. Then said Abner unto him, Go, return. And he returned.3:17 และอับเนอร์ได้สนทนากับพวกผู้อาวุโสของอิสราเอล โดยกล่าวว่า เมื่อก่อนพวกท่านใคร่จะให้ดาวิดเป็นกษัตริย์ปกครองเหนือพวกท่าน
3:17 And Abner had communication with the elders of Israel, saying, Ye sought for David in times past to be king over you:3:18 บัดนี้จงทำอย่างนั้นเถิด เพราะพระเยโฮวาห์ได้ตรัสเรื่องดาวิด โดยตรัสว่า โดยมือของดาวิดผู้รับใช้ของเรา เราจะช่วยอิสราเอลประชากรของเราให้รอดพ้นจากมือของคนฟีลิสเตีย และจากมือของศัตรูทั้งสิ้นของพวกเขา
3:18 Now then do it: for the LORD hath spoken of David, saying, By the hand of my servant David I will save my people Israel out of the hand of the Philistines, and out of the hand of all their enemies.3:19 และอับเนอร์กล่าวในหูของคนเบนยามินด้วย และอับเนอร์ได้ไปเพื่อทูลในหูของดาวิดในเมืองเฮโบรนถึงสิ่งสารพัดที่เห็นว่าเป็นการดีต่ออิสราเอล และที่เห็นว่าเป็นการดีต่อวงศ์วานทั้งสิ้นของเบนยามิน
3:19 And Abner also spake in the ears of Benjamin: and Abner went also to speak in the ears of David in Hebron all that seemed good to Israel, and that seemed good to the whole house of Benjamin.3:20 ดังนั้นอับเนอร์ได้มาเฝ้าดาวิดที่เมืองเฮโบรน และมีพวกทหารยี่สิบคนมาพร้อมกับท่าน และดาวิดทรงจัดงานเลี้ยงให้อับเนอร์กับพวกทหารที่อยู่กับท่าน
3:20 So Abner came to David to Hebron, and twenty men with him. And David made Abner and the men that were with him a feast.3:21 และอับเนอร์ทูลดาวิดว่า ข้าพระองค์จะลุกขึ้นและไป และจะรวบรวมคนอิสราเอลทั้งสิ้นมายังกษัตริย์เจ้านายของข้าพระองค์ เพื่อพวกเขาจะทำพันธสัญญากับพระองค์ และเพื่อพระองค์จะทรงครอบครองเหนือสิ่งสารพัดที่พระทัยของพระองค์ปรารถนา และดาวิดได้ทรงส่งอับเนอร์กลับไป และท่านก็ไปโดยสันติภาพ
3:21 And Abner said unto David, I will arise and go, and will gather all Israel unto my lord the king, that they may make a league with thee, and that thou mayest reign over all that thine heart desireth. And David sent Abner away; and he went in peace.3:22 และดูเถิด พวกข้าราชการทหารของดาวิดและโยอาบกลับมาจากการไล่ตามกองปล้น และนำสิ่งของที่ริบได้มากมายนั้นมาพร้อมกับพวกเขา แต่อับเนอร์ไม่ได้อยู่กับดาวิดในเมืองเฮโบรนแล้ว เพราะพระองค์ได้ทรงส่งท่านกลับไป และท่านก็ไปโดยสันติภาพ
3:22 And, behold, the servants of David and Joab came from pursuing a troop, and brought in a great spoil with them: but Abner was not with David in Hebron; for he had sent him away, and he was gone in peace.3:23 เมื่อโยอาบกับกองทัพทั้งสิ้นที่อยู่กับท่านมาถึง มีบางคนบอกโยอาบ โดยกล่าวว่า อับเนอร์บุตรชายของเนอร์มาเฝ้ากษัตริย์ และพระองค์ทรงให้เขากลับไป และเขาก็กลับไปโดยสันติภาพ
3:23 When Joab and all the host that was with him were come, they told Joab, saying, Abner the son of Ner came to the king, and he hath sent him away, and he is gone in peace.3:24 แล้วโยอาบเข้าไปเฝ้ากษัตริย์ และทูลว่า พระองค์ทรงกระทำอะไรเช่นนั้น ดูเถิด อับเนอร์ได้มาเฝ้าพระองค์ ทำไมพระองค์จึงส่งเขาไป และเขาก็ไปไกลแล้ว
3:24 Then Joab came to the king, and said, What hast thou done? behold, Abner came unto thee; why is it that thou hast sent him away, and he is quite gone?3:25 พระองค์ทรงทราบแล้วว่าอับเนอร์บุตรชายของเนอร์ เขาได้มาเพื่อหลอกลวงพระองค์ และเพื่อทราบถึงการเสด็จออกไปของพระองค์และการเสด็จเข้ามาของพระองค์ และเพื่อทราบทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงกระทำ
3:25 Thou knowest Abner the son of Ner, that he came to deceive thee, and to know thy going out and thy coming in, and to know all that thou doest.3:26 และเมื่อโยอาบออกมาจากการเฝ้าดาวิดแล้ว ท่านได้ส่งพวกผู้สื่อสารไปตามอับเนอร์ ซึ่งนำท่านมาอีกจากบ่อน้ำแห่งสีราห์ แต่ดาวิดหาทรงทราบเรื่องนี้ไม่
3:26 And when Joab was come out from David, he sent messengers after Abner, which brought him again from the well of Sirah: but David knew it not.โยอาบฆ่าอับเนอร์
3:27 และเมื่ออับเนอร์กลับมาถึงเมืองเฮโบรนแล้ว โยอาบก็พาท่านหลบเข้าไปในประตูเมืองเพื่อจะพูดกับท่านเป็นการลับ และได้แทงท่านใต้กระดูกซี่โครงที่ห้า ท่านจึงสิ้นชีวิต เพื่อแก้แค้นโลหิตของอาสาเฮลน้องชายของตน
Joab Murders Abner
3:27 And when Abner was returned to Hebron, Joab took him aside in the gate to speak with him quietly, and smote him there under the fifth rib, that he died, for the blood of Asahel his brother.3:28 และภายหลังเมื่อดาวิดทรงได้ยินเรื่องนี้ พระองค์ตรัสว่า ตัวเราและราชอาณาจักรของเราปราศจากความผิดต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์สืบไปเป็นนิตย์ ด้วยเรื่องโลหิตของอับเนอร์บุตรชายของเนอร์
3:28 And afterward when David heard it, he said, I and my kingdom are guiltless before the LORD for ever from the blood of Abner the son of Ner:3:29 ขอให้ความผิดนี้ตกบนศีรษะของโยอาบ และบนวงศ์วานทั้งสิ้นแห่งบิดาของเขา และขออย่าให้ขาดไปจากวงศ์วานของโยอาบเลยซึ่งคนหนึ่งที่มีสิ่งไหลออก หรือที่เป็นโรคเรื้อน หรือที่พิงไม้เท้า หรือที่ล้มทับดาบ หรือที่ขัดสนขนมปัง
3:29 Let it rest on the head of Joab, and on all his father's house; and let there not fail from the house of Joab one that hath an issue, or that is a leper, or that leaneth on a staff, or that falleth on the sword, or that lacketh bread.3:30 ดังนั้นแหละ โยอาบกับอาบีชัยน้องชายของท่านได้ฆ่าอับเนอร์ เพราะอับเนอร์ได้ฆ่าอาสาเฮลน้องชายของพวกท่านที่กิเบโอนในการสู้รบกัน
3:30 So Joab and Abishai his brother slew Abner, because he had slain their brother Asahel at Gibeon in the battle.3:31 และดาวิดตรัสแก่โยอาบ และแก่ประชากรทุกคนที่อยู่กับพระองค์ว่า จงฉีกเสื้อผ้าของพวกท่าน และคาดเอวของพวกท่านไว้ด้วยผ้ากระสอบ และจงไว้ทุกข์ให้อับเนอร์ และกษัตริย์ดาวิดเองเสด็จตามแคร่หามศพไป
3:31 And David said to Joab, and to all the people that were with him, Rend your clothes, and gird you with sackcloth, and mourn before Abner. And king David himself followed the bier.3:32 และพวกเขาฝังอับเนอร์ไว้ในเมืองเฮโบรน และกษัตริย์ได้ตะเบ็งเสียงของพระองค์ และทรงร้องไห้ ณ ที่ฝังศพของอับเนอร์ และประชากรทั้งสิ้นก็ร้องไห้
3:32 And they buried Abner in Hebron: and the king lifted up his voice, and wept at the grave of Abner; and all the people wept.3:33 และกษัตริย์ทรงคร่ำครวญเรื่องอับเนอร์ และตรัสว่า อับเนอร์ตายอย่างคนโง่ตายหรือ
3:33 And the king lamented over Abner, and said, Died Abner as a fool dieth?3:34 มือของท่านก็มิได้ถูกมัด และเท้าของท่านก็มิได้ติดตรวน เหมือนอย่างคนล้มลงต่อหน้าพวกคนชั่ว ท่านก็ล้มลงอย่างนั้น และประชากรทั้งสิ้นก็ร้องไห้ถึงอับเนอร์อีก
3:34 Thy hands were not bound, nor thy feet put into fetters: as a man falleth before wicked men, so fellest thou. And all the people wept again over him.3:35 และเมื่อประชากรทั้งสิ้นมาเพื่อทูลชวนดาวิดให้เสวยพระกระยาหารขณะเมื่อยังวันอยู่ ดาวิดทรงสาบาน โดยตรัสว่า ขอพระเจ้าทรงกระทำอย่างนั้นต่อเราและให้หนักยิ่งกว่าด้วย ถ้าเราลิ้มรสขนมปังหรือสิ่งอื่นใดก่อนดวงอาทิตย์ตก
3:35 And when all the people came to cause David to eat meat while it was yet day, David sware, saying, So do God to me, and more also, if I taste bread, or ought else, till the sun be down.3:36 และประชากรทั้งสิ้นได้สังเกตเห็นเช่นนั้น และการนั้นทำให้พวกเขาพอใจ สิ่งใดก็ตามที่กษัตริย์ทรงกระทำ ได้ทำให้ประชากรทั้งสิ้นพอใจ
3:36 And all the people took notice of it, and it pleased them: as whatsoever the king did pleased all the people.3:37 ด้วยว่าประชากรทั้งสิ้นและคนอิสราเอลทั้งหมดได้เข้าใจวันนั้นว่า ไม่ใช่พระประสงค์ของกษัตริย์ที่จะฆ่าอับเนอร์บุตรชายของเนอร์
3:37 For all the people and all Israel understood that day that it was not of the king to slay Abner the son of Ner.3:38 และกษัตริย์ตรัสกับพวกผู้รับใช้ของพระองค์ว่า พวกท่านไม่ทราบหรือว่า เจ้านายและคนใหญ่คนโตคนหนึ่งได้ล้มลงวันนี้ในอิสราเอล
3:38 And the king said unto his servants, Know ye not that there is a prince and a great man fallen this day in Israel?3:39 และเราอ่อนกำลังวันนี้ ถึงแม้ได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์แล้ว และคนเหล่านี้ บุตรชายของเศรุยาห์ ก็รุนแรงเกินไปสำหรับเรา พระเยโฮวาห์จะทรงสนองผู้กระทำความชั่วร้ายตามความชั่วของเขาเอง
3:39 And I am this day weak, though anointed king; and these men the sons of Zeruiah be too hard for me: the LORD shall reward the doer of evil according to his wickedness.
พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version
© 2006 Philip Pope