กลับหน้าแรก / Main Menu

 

1 พงศ์กษัตริย์ 22 / 1 Kings 22

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22]

ประเทศซีเรียและอิสราเอลมีสันติกันอยู่สามปี
22:1 และพวกเขามีช่วงสามปีติดต่อกันโดยปราศจากสงครามระหว่างประเทศซีเรียกับประเทศอิสราเอล

Three Years of Peace with Syria
22:1 And they continued three years without war between Syria and Israel.

เยโฮชาฟัทช่วยอาหับสู้รบกับซีเรีย
22:2 และต่อมาในปีที่สาม เยโฮชาฟัทกษัตริย์แห่งยูดาห์ได้เสด็จลงมาเฝ้ากษัตริย์แห่งอิสราเอล

Jehoshaphat Aids Ahab against Syria
22:2 And it came to pass in the third year, that Jehoshaphat the king of Judah came down to the king of Israel.

22:3 และกษัตริย์แห่งอิสราเอลตรัสกับบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ว่า “พวกท่านทราบกันหรือไม่ว่าเมืองราโมทในกิเลอาดเป็นของพวกเรา และพวกเรายังนิ่งอยู่ และมิได้เอาเมืองนั้นออกมาจากมือของกษัตริย์แห่งซีเรีย”

22:3 And the king of Israel said unto his servants, Know ye that Ramoth in Gilead is ours, and we be still, and take it not out of the hand of the king of Syria?

22:4 และพระองค์ตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “ท่านจะยกไปทำศึกที่ราโมทกิเลอาดกับข้าพเจ้าไหม” และเยโฮชาฟัทตรัสกับกษัตริย์แห่งอิสราเอลว่า “ข้าพเจ้าเป็นอย่างที่ท่านเป็น ประชากรของข้าพเจ้าก็เป็นอย่างประชากรของท่าน บรรดาม้าของข้าพเจ้าก็เป็นอย่างบรรดาม้าของท่าน”

22:4 And he said unto Jehoshaphat, Wilt thou go with me to battle to Ramothgilead? And Jehoshaphat said to the king of Israel, I am as thou art, my people as thy people, my horses as thy horses.

22:5 และเยโฮชาฟัทตรัสกับกษัตริย์แห่งอิสราเอลว่า “ขอสอบถามดู ข้าพเจ้าขอร้องท่าน พระวจนะของพระเยโฮวาห์วันนี้เถิด”

22:5 And Jehoshaphat said unto the king of Israel, Enquire, I pray thee, at the word of the LORD to day.

พวกผู้พยากรณ์ของอาหับพยากรณ์เท็จ
22:6 แล้วกษัตริย์แห่งอิสราเอลได้รวบรวมพวกผู้พยากรณ์เข้าด้วยกัน ประมาณสี่ร้อยคน และตรัสกับพวกเขาว่า “เราควรจะไปสู้รบกับราโมทกิเลอาดหรือ หรือเราควรจะยับยั้งไว้ก่อน” และพวกเขาทูลว่า “ขอเชิญเสด็จขึ้นไปเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของกษัตริย์”

The Lying Prophets of Ahab
22:6 Then the king of Israel gathered the prophets together, about four hundred men, and said unto them, Shall I go against Ramothgilead to battle, or shall I forbear? And they said, Go up; for the Lord shall deliver it into the hand of the king.

22:7 และเยโฮชาฟัททูลว่า “ไม่มีผู้พยากรณ์ของพระเยโฮวาห์อยู่ที่นี่นอกจากนี้แล้วหรือ เพื่อพวกเราจะสอบถามจากเขา”

22:7 And Jehoshaphat said, Is there not here a prophet of the LORD besides, that we might enquire of him?

22:8 และกษัตริย์แห่งอิสราเอลทูลเยโฮชาฟัทว่า “ยังมีชายคนหนึ่ง คือมีคายาห์บุตรชายของอิมลาห์ ซึ่งพวกเราจะให้ทูลถามพระเยโฮวาห์ได้ แต่ข้าพเจ้าเกลียดชังเขา เพราะเขาไม่เคยพยากรณ์เรื่องดีเกี่ยวกับข้าพเจ้าเลย มีแต่เรื่องร้าย” และเยโฮชาฟัททูลว่า “ขอกษัตริย์อย่าตรัสดังนั้นเลย”

22:8 And the king of Israel said unto Jehoshaphat, There is yet one man, Micaiah the son of Imlah, by whom we may enquire of the LORD: but I hate him; for he doth not prophesy good concerning me, but evil. And Jehoshaphat said, Let not the king say so.

22:9 แล้วกษัตริย์แห่งอิสราเอลได้ทรงเรียกมหาดเล็กคนหนึ่ง และตรัสว่า “พามีคายาห์บุตรชายของอิมลาห์มาที่นี่เร็ว ๆ”

22:9 Then the king of Israel called an officer, and said, Hasten hither Micaiah the son of Imlah.

22:10 และกษัตริย์แห่งอิสราเอลและเยโฮชาฟัทกษัตริย์แห่งยูดาห์ต่างประทับบนพระที่นั่งของพระองค์เอง โดยทรงสวมเครื่องทรงทั้งหลายของพระองค์ ณ ช่องว่างในทางเข้าประตูเมืองสะมาเรีย และพวกผู้พยากรณ์ทั้งสิ้นได้พยากรณ์ถวายอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ทั้งสอง

22:10 And the king of Israel and Jehoshaphat the king of Judah sat each on his throne, having put on their robes, in a void place in the entrance of the gate of Samaria; and all the prophets prophesied before them.

22:11 และเศเดคียาห์บุตรชายของเคนาอะนาห์ได้ทำเขาสัตว์ด้วยเหล็กสำหรับตน และเขาทูลว่า “พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ว่า ‘ด้วยเขาสัตว์เหล่านี้เจ้าจะผลักคนซีเรียไปจนกว่าเจ้าเผาผลาญพวกเขาเสียสิ้น’”

22:11 And Zedekiah the son of Chenaanah made him horns of iron: and he said, Thus saith the LORD, With these shalt thou push the Syrians, until thou have consumed them.

22:12 และผู้พยากรณ์เหล่านั้นทุกคนได้พยากรณ์อย่างนั้น โดยทูลว่า “ขอเสด็จขึ้นไปราโมทกิเลอาด และเจริญรุ่งเรืองเถิด เพราะพระเยโฮวาห์จะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของกษัตริย์”

22:12 And all the prophets prophesied so, saying, Go up to Ramothgilead, and prosper: for the LORD shall deliver it into the king's hand.

มีคายาห์เป็นผู้พยากรณ์แท้
22:13 และผู้สื่อสารที่ได้ไปเพื่อเรียกมีคายาห์พูดกับท่าน โดยกล่าวว่า “บัดนี้ ดูเถิด ถ้อยคำทั้งหลายของผู้พยากรณ์เหล่านั้นต่างพูดสิ่งที่ดีแก่กษัตริย์เป็นปากเดียวกัน ขอให้ถ้อยคำของท่าน ข้าพเจ้าขอร้องท่าน เป็นเหมือนอย่างถ้อยคำของคนหนึ่งในพวกนั้น และพูดสิ่งที่ดีเถิด”

Micaiah, a True Prophet
22:13 And the messenger that was gone to call Micaiah spake unto him, saying, Behold now, the words of the prophets declare good unto the king with one mouth: let thy word, I pray thee, be like the word of one of them, and speak that which is good.

22:14 และมีคายาห์กล่าวว่า “พระเยโฮวาห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด พระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าอย่างไร ข้าพเจ้าจะพูดอย่างนั้น”

22:14 And Micaiah said, As the LORD liveth, what the LORD saith unto me, that will I speak.

22:15 ดังนั้นท่านมาเฝ้ากษัตริย์ และกษัตริย์ตรัสกับท่านว่า “มีคายาห์ พวกเราควรจะไปสู้รบกับราโมทกิเลอาดหรือ หรือพวกเราควรจะยับยั้งไว้ก่อน” และท่านทูลตอบพระองค์ว่า “ขอเชิญเสด็จขึ้นไปและเจริญรุ่งเรือง เพราะพระเยโฮวาห์จะทรงมอบเมืองนั้นไว้ในพระหัตถ์ของกษัตริย์”

22:15 So he came to the king. And the king said unto him, Micaiah, shall we go against Ramothgilead to battle, or shall we forbear? And he answered him, Go, and prosper: for the LORD shall deliver it into the hand of the king.

22:16 และกษัตริย์ตรัสกับท่านว่า “เราจะต้องขอร้องเจ้ากี่ครั้งว่า เจ้าอย่าบอกเราสิ่งใดนอกจากสิ่งซึ่งเป็นความจริงในพระนามของพระเยโฮวาห์”

22:16 And the king said unto him, How many times shall I adjure thee that thou tell me nothing but that which is true in the name of the LORD?

22:17 และท่านทูลว่า “ข้าพระองค์ได้เห็นคนอิสราเอลทั้งสิ้นกระจัดกระจายอยู่บนเนินเขาต่าง ๆ อย่างแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง และพระเยโฮวาห์ได้ตรัสว่า ‘คนเหล่านี้ไม่มีนาย ให้พวกเขาทุกคนกลับไปยังบ้านของตนโดยสันติเถิด’”

22:17 And he said, I saw all Israel scattered upon the hills, as sheep that have not a shepherd: and the LORD said, These have no master: let them return every man to his house in peace.

22:18 และกษัตริย์แห่งอิสราเอลทูลเยโฮชาฟัทว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้บอกท่านแล้วหรือว่า เขาจะไม่พยากรณ์เรื่องดีเกี่ยวกับข้าพเจ้าเลย มีแต่เรื่องร้าย”

22:18 And the king of Israel said unto Jehoshaphat, Did I not tell thee that he would prophesy no good concerning me, but evil?

22:19 และมีคายาห์ทูลว่า “ฉะนั้น ขอพระองค์สดับพระวจนะของพระเยโฮวาห์ ข้าพระองค์ได้เห็นพระเยโฮวาห์ประทับนั่งบนพระที่นั่งของพระองค์ และบรรดาบริวารแห่งสวรรค์ยืนข้าง ๆ พระองค์ ข้างขวาพระหัตถ์ของพระองค์และข้างซ้ายของพระองค์

22:19 And he said, Hear thou therefore the word of the LORD: I saw the LORD sitting on his throne, and all the host of heaven standing by him on his right hand and on his left.

22:20 และพระเยโฮวาห์ตรัสว่า ‘ผู้ใดจะเกลี้ยกล่อมอาหับเพื่อเขาจะได้ขึ้นไปและล้มลงที่ราโมทกิเลอาด’ และตนหนึ่งได้ทูลอย่างนี้ และอีกตนหนึ่งได้ทูลอย่างนั้น

22:20 And the LORD said, Who shall persuade Ahab, that he may go up and fall at Ramothgilead? And one said on this manner, and another said on that manner.

22:21 และมีวิญญาณตนหนึ่งออกมา และยืนเฝ้าต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ และทูลว่า ‘ข้าพระองค์จะเกลี้ยกล่อมเขา’

22:21 And there came forth a spirit, and stood before the LORD, and said, I will persuade him.

22:22 และพระเยโฮวาห์ตรัสกับเขาว่า ‘จะทำอย่างไร’ และเขาทูลว่า ‘ข้าพระองค์จะออกไป และข้าพระองค์จะเป็นวิญญาณมุสาอยู่ในปากของผู้พยากรณ์ของเขาทุกคน’ และพระองค์ตรัสว่า ‘เจ้าจะไปเกลี้ยกล่อมเขา และจะสำเร็จด้วย จงออกไปและทำเช่นนั้นเถิด’

22:22 And the LORD said unto him, Wherewith? And he said, I will go forth, and I will be a lying spirit in the mouth of all his prophets. And he said, Thou shalt persuade him, and prevail also: go forth, and do so.

22:23 เพราะฉะนั้นบัดนี้ ดูเถิด พระเยโฮวาห์ได้ทรงใส่วิญญาณมุสาในปากของผู้พยากรณ์เหล่านี้ทั้งสิ้นของพระองค์ และพระเยโฮวาห์ได้ตรัสเรื่องร้ายเกี่ยวกับพระองค์”

22:23 Now therefore, behold, the LORD hath put a lying spirit in the mouth of all these thy prophets, and the LORD hath spoken evil concerning thee.

22:24 แต่เศเดคียาห์บุตรชายของเคนาอะนาห์ได้เข้ามาใกล้และตบมีคายาห์เข้าที่แก้ม และกล่าวว่า “พระวิญญาณของพระเยโฮวาห์ได้เสด็จไปทางไหนจากข้าเพื่อพูดกับเจ้า”

22:24 But Zedekiah the son of Chenaanah went near, and smote Micaiah on the cheek, and said, Which way went the Spirit of the LORD from me to speak unto thee?

22:25 และมีคายาห์กล่าวว่า “ดูเถิด เจ้าจะเห็นในวันนั้น เมื่อเจ้าจะเข้าไปในห้องชั้นในเพื่อซ่อนตัวเจ้าเอง”

22:25 And Micaiah said, Behold, thou shalt see in that day, when thou shalt go into an inner chamber to hide thyself.

22:26 และกษัตริย์แห่งอิสราเอลตรัสว่า “จงจับมีคายาห์ และพาเขากลับไปยังอาโมนผู้ว่าราชการนครและยังโยอาชราชโอรสของกษัตริย์

22:26 And the king of Israel said, Take Micaiah, and carry him back unto Amon the governor of the city, and to Joash the king's son;

22:27 และจงกล่าวว่า ‘กษัตริย์ตรัสดังนี้ว่า “เอาคนนี้จำไว้ในคุก และเลี้ยงเขาด้วยขนมปังแห่งความทุกข์และด้วยน้ำแห่งความทุกข์ จนกว่าเราจะกลับมาโดยสันติ”’”

22:27 And say, Thus saith the king, Put this fellow in the prison, and feed him with bread of affliction and with water of affliction, until I come in peace.

22:28 และมีคายาห์ทูลว่า “ถ้าพระองค์เสด็จกลับมาโดยสันติ พระเยโฮวาห์ก็ไม่ได้ตรัสโดยข้าพระองค์” และท่านกล่าวว่า “จงตั้งใจฟังเถิด โอ ประชากรทั้งหลายเอ๋ย พวกท่านทุกคน”

22:28 And Micaiah said, If thou return at all in peace, the LORD hath not spoken by me. And he said, Hearken, O people, every one of you.

การสู้รบที่ราโมทกิเลอาด อาหับสิ้นพระชนม์ (2 พศด 18:28-34)
22:29 ดังนั้นกษัตริย์แห่งอิสราเอลและเยโฮชาฟัทกษัตริย์แห่งยูดาห์จึงเสด็จขึ้นไปยังราโมทกิเลอาด

Battle at Ramoth-gilead; Death of Ahab (2 Chr. 18:28-34)
22:29 So the king of Israel and Jehoshaphat the king of Judah went up to Ramothgilead.

22:30 และกษัตริย์แห่งอิสราเอลตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “ข้าพเจ้าจะปลอมตัวและเข้าทำศึก แต่ท่านจงสวมเครื่องทรงทั้งหลายของท่าน” และกษัตริย์แห่งอิสราเอลได้ทรงปลอมพระองค์และเข้าทำศึก

22:30 And the king of Israel said unto Jehoshaphat, I will disguise myself, and enter into the battle; but put thou on thy robes. And the king of Israel disguised himself, and went into the battle.

22:31 แต่กษัตริย์แห่งซีเรียได้ทรงบัญชาผู้บัญชาการสามสิบสองคนของพระองค์ที่มีอำนาจควบคุมกองรถม้าศึกของพระองค์ โดยตรัสว่า “อย่ารบกับทหารน้อยหรือใหญ่ เว้นแต่เฉพาะกับกษัตริย์แห่งอิสราเอลเท่านั้น”

22:31 But the king of Syria commanded his thirty and two captains that had rule over his chariots, saying, Fight neither with small nor great, save only with the king of Israel.

22:32 และต่อมาเมื่อเหล่าผู้บัญชาการกองรถม้าศึกเห็นเยโฮชาฟัทแล้ว พวกเขากล่าวว่า “นั่นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลแน่แล้ว” และพวกเขาได้หันไปเพื่อต่อสู้กับพระองค์ และเยโฮชาฟัทได้ทรงร้องขึ้น

22:32 And it came to pass, when the captains of the chariots saw Jehoshaphat, that they said, Surely it is the king of Israel. And they turned aside to fight against him: and Jehoshaphat cried out.

22:33 และต่อมาเมื่อเหล่าผู้บัญชาการกองรถม้าศึกรับรู้ว่าไม่ใช่กษัตริย์แห่งอิสราเอล พวกเขาจึงหันกลับจากการไล่ตามพระองค์

22:33 And it came to pass, when the captains of the chariots perceived that it was not the king of Israel, that they turned back from pursuing him.

22:34 และมีชายคนหนึ่งโก่งธนูยิงสุ่มไป และถูกกษัตริย์แห่งอิสราเอลเข้าระหว่างเกล็ดเกราะและแผ่นบังพระอุระ ดังนั้นพระองค์จึงตรัสกับคนขับรถม้าศึกของพระองค์ว่า “หันมือของเจ้ากลับเถิด และพาเราออกไปจากกองทัพ เพราะเราบาดเจ็บแล้ว”

22:34 And a certain man drew a bow at a venture, and smote the king of Israel between the joints of the harness: wherefore he said unto the driver of his chariot, Turn thine hand, and carry me out of the host; for I am wounded.

22:35 และการสู้รบก็ดุเดือดขึ้นวันนั้น และกษัตริย์ถูกพยุงขึ้นไว้ในรถม้าศึกของพระองค์เผชิญหน้าคนซีเรีย และได้สิ้นพระชนม์ตอนเวลาเย็น และโลหิตได้ไหลออกจากบาดแผลนองท้องรถม้าศึก

22:35 And the battle increased that day: and the king was stayed up in his chariot against the Syrians, and died at even: and the blood ran out of the wound into the midst of the chariot.

22:36 และมีการประกาศตลอดทั่วกองทัพประมาณเวลาดวงอาทิตย์ตก โดยกล่าวว่า “ทุกคนจงกลับไปยังนครของตน และทุกคนไปยังดินแดนของตน”

22:36 And there went a proclamation throughout the host about the going down of the sun, saying, Every man to his city, and every man to his own country.

22:37 ดังนั้นกษัตริย์จึงสิ้นพระชนม์ และถูกนำมายังกรุงสะมาเรีย และพวกเขาฝังกษัตริย์ไว้ในกรุงสะมาเรีย

22:37 So the king died, and was brought to Samaria; and they buried the king in Samaria.

22:38 และมีคนหนึ่งล้างรถม้าศึกในสระแห่งสะมาเรีย และพวกสุนัขได้เลียโลหิตของพระองค์จนเกลี้ยง และพวกเขาได้ล้างเครื่องอาวุธของพระองค์ ตามพระวจนะของพระเยโฮวาห์ซึ่งพระองค์ได้ตรัสไว้แล้ว

22:38 And one washed the chariot in the pool of Samaria; and the dogs licked up his blood; and they washed his armour; according unto the word of the LORD which he spake.

22:39 บัดนี้พระราชกิจนอกนั้นของอาหับ และบรรดาสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำ และพระราชวังงาช้างซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ และบรรดานครที่พระองค์ได้ทรงสร้าง สิ่งเหล่านั้นถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งประเทศอิสราเอลมิใช่หรือ

22:39 Now the rest of the acts of Ahab, and all that he did, and the ivory house which he made, and all the cities that he built, are they not written in the book of the chronicles of the kings of Israel?

อาหัสยาห์ขึ้นครอบครองแทนอาหับ
22:40 ดังนั้นอาหับได้ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และอาหัสยาห์ราชโอรสของพระองค์ขึ้นครอบครองแทนพระองค์

Ahaziah Succeeds Ahab
22:40 So Ahab slept with his fathers; and Ahaziah his son reigned in his stead.

เยโฮชาฟัทขึ้นครอบครองเหนือยูดาห์ (2 พศด 17:1; 20:31)
22:41 และเยโฮชาฟัทราชโอรสของอาสาเริ่มครอบครองเหนือยูดาห์ในปีที่สี่แห่งรัชกาลของอาหับกษัตริย์แห่งอิสราเอล

Jehoshaphat Reigns in Judah (2 Chr. 17:1; 20:31)
22:41 And Jehoshaphat the son of Asa began to reign over Judah in the fourth year of Ahab king of Israel.

22:42 เยโฮชาฟัทมีพระชนมายุสามสิบห้าพรรษาเมื่อพระองค์ทรงเริ่มครอบครอง และพระองค์ได้ทรงครอบครองยี่สิบห้าปีในกรุงเยรูซาเล็ม และพระนามของพระราชมารดาของพระองค์คือ อาซูบาห์ ธิดาของชิลหิ

22:42 Jehoshaphat was thirty and five years old when he began to reign; and he reigned twenty and five years in Jerusalem. And his mother's name was Azubah the daughter of Shilhi.

22:43 และพระองค์ได้ดำเนินในทางทั้งสิ้นของอาสาราชบิดาของพระองค์ พระองค์ไม่ได้หันเหออกไปจากทางนั้น โดยทรงกระทำสิ่งซึ่งถูกต้องในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ แต่อย่างไรก็ตามสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายไม่ได้ถูกรื้อออกไปเสีย ด้วยว่าประชากรยังถวายและเผาเครื่องหอมในสถานบูชาบนที่สูงเหล่านั้น

22:43 And he walked in all the ways of Asa his father; he turned not aside from it, doing that which was right in the eyes of the LORD: nevertheless the high places were not taken away; for the people offered and burnt incense yet in the high places.

22:44 และเยโฮชาฟัทได้ทรงกระทำสัญญาสันติภาพกับกษัตริย์แห่งอิสราเอล

22:44 And Jehoshaphat made peace with the king of Israel.

22:45 บัดนี้พระราชกิจนอกนั้นของเยโฮชาฟัท และพลังอำนาจของพระองค์ที่พระองค์ทรงสำแดง และพระองค์ทรงกระทำสงครามอย่างไร สิ่งเหล่านั้นถูกบันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารของบรรดากษัตริย์แห่งประเทศยูดาห์มิใช่หรือ

22:45 Now the rest of the acts of Jehoshaphat, and his might that he shewed, and how he warred, are they not written in the book of the chronicles of the kings of Judah?

22:46 และพวกรักร่วมเพศที่ยังเหลืออยู่ ผู้ซึ่งยังเหลืออยู่ในสมัยของอาสาราชบิดาของพระองค์นั้น พระองค์ได้ทรงกำจัดออกไปเสียจากแผ่นดิน

22:46 And the remnant of the sodomites, which remained in the days of his father Asa, he took out of the land.

22:47 เวลานั้นไม่มีกษัตริย์องค์ใดในประเทศเอโดม ผู้ว่าราชการคนหนึ่งเป็นกษัตริย์

22:47 There was then no king in Edom: a deputy was king.

22:48 เยโฮชาฟัทได้ทรงทำเรือแห่งเมืองทารชิชหลายลำ เพื่อจะไปยังโอฟีร์เพื่อขนทองคำมา แต่เรือเหล่านั้นไปไม่ถึง เพราะเรือเหล่านั้นแตกเสียที่เอซีโอนเกเบอร์

22:48 Jehoshaphat made ships of Tharshish to go to Ophir for gold: but they went not; for the ships were broken at Eziongeber.

22:49 แล้วอาหัสยาห์ราชโอรสของอาหับตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “ขอให้พวกผู้รับใช้ของข้าพเจ้าไปกับพวกผู้รับใช้ของท่านในเรือเหล่านั้น” แต่เยโฮชาฟัทไม่ทรงอนุญาต

22:49 Then said Ahaziah the son of Ahab unto Jehoshaphat, Let my servants go with thy servants in the ships. But Jehoshaphat would not.

เยโฮรัมขึ้นครอบครองแทนเยโฮชาฟัท
22:50 และเยโฮชาฟัทได้ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และทรงถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษของพระองค์ในนครของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และเยโฮรัมราชโอรสของพระองค์ได้ขึ้นครอบครองแทนพระองค์

Jehoram Succeeds Jehoshaphat
22:50 And Jehoshaphat slept with his fathers, and was buried with his fathers in the city of David his father: and Jehoram his son reigned in his stead.

การครอบครองอันชั่วร้ายของอาหัสยาห์
22:51 อาหัสยาห์ราชโอรสของอาหับทรงเริ่มครอบครองเหนืออิสราเอลในกรุงสะมาเรียในปีที่สิบเจ็ดแห่งรัชกาลของเยโฮชาฟัทกษัตริย์แห่งยูดาห์ และได้ทรงครอบครองสองปีเหนืออิสราเอล

Evil Reign of Ahaziah
22:51 Ahaziah the son of Ahab began to reign over Israel in Samaria the seventeenth year of Jehoshaphat king of Judah, and reigned two years over Israel.

22:52 และพระองค์ได้ทรงกระทำความชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเยโฮวาห์ และได้ดำเนินในทางแห่งราชบิดาของพระองค์ และในทางแห่งพระราชมารดาของพระองค์ และในทางของเยโรโบอัมบุตรชายของเนบัท ผู้ที่ได้กระทำให้อิสราเอลทำบาป

22:52 And he did evil in the sight of the LORD, and walked in the way of his father, and in the way of his mother, and in the way of Jeroboam the son of Nebat, who made Israel to sin:

22:53 ด้วยว่าพระองค์ได้ทรงปรนนิบัติพระบาอัล และนมัสการพระนั้น และได้ทรงยั่วยุพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลให้ทรงกริ้ว ตามทุกสิ่งที่ราชบิดาของพระองค์ได้ทรงกระทำ

22:53 For he served Baal, and worshipped him, and provoked to anger the LORD God of Israel, according to all that his father had done.

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope