ลูกา 4 / Luke 4 [1]
[2]
[3]
[4]
[5]
[6]
[7]
[8]
[9]
[10]
[11]
[12]
[13]
[14]
[15]
[16]
[17]
[18]
[19]
[20]
[21]
[22]
[23]
[24]
พระเยซูทรงถูกทดลอง (มธ 4:1-11; มก 1:12-13)
4:1 และพระเยซูซึ่งเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้เสด็จกลับไปจากแม่น้ำจอร์แดน และทรงถูกนำโดยพระวิญญาณเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร
The Temptation of Jesus (Matt. 4:1-11; Mark 1:12-13)
4:1 And Jesus being full of the Holy Ghost returned from Jordan, and was led by the Spirit into the wilderness,4:2 ทรงถูกทดลองโดยพญามารเป็นเวลาสี่สิบวัน และในวันเหล่านั้นพระองค์ไม่ได้เสวยอะไรเลย และเมื่อสิ้นสี่สิบวันแล้ว หลังจากนั้นพระองค์ทรงหิว
4:2 Being forty days tempted of the devil. And in those days he did eat nothing: and when they were ended, he afterward hungered.4:3 และพญามารกล่าวแก่พระองค์ว่า ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินนี้ให้กลายเป็นอาหาร
4:3 And the devil said unto him, If thou be the Son of God, command this stone that it be made bread.4:4 และพระเยซูทรงตอบมัน โดยตรัสว่า มีเขียนไว้แล้วว่า มนุษย์จะมีชีวิตอยู่โดยอาหารอย่างเดียวไม่ได้ แต่โดยพระวจนะทุกคำของพระเจ้า
4:4 And Jesus answered him, saying, It is written, That man shall not live by bread alone, but by every word of God.4:5 และพญามาร เมื่อนำพระองค์ขึ้นไปบนภูเขาสูงลูกหนึ่งแล้ว ได้สำแดงบรรดาราชอาณาจักรแห่งแผ่นดินโลกในช่วงเวลาหนึ่งให้พระองค์ทอดพระเนตร
4:5 And the devil, taking him up into an high mountain, shewed unto him all the kingdoms of the world in a moment of time.4:6 และพญามารกล่าวแก่พระองค์ว่า อำนาจทั้งสิ้นนี้เราจะยกให้แก่ท่าน และสง่าราศีของราชอาณาจักรเหล่านั้น เพราะว่าอำนาจนั้นได้ถูกมอบไว้แก่เราแล้ว และผู้ใดก็ตามที่เราปรารถนาจะให้ เราจะให้อำนาจนั้นแก่ผู้นั้น
4:6 And the devil said unto him, All this power will I give thee, and the glory of them: for that is delivered unto me; and to whomsoever I will I give it.4:7 เหตุฉะนั้น ถ้าท่านจะนมัสการเรา สิ่งสารพัดเหล่านั้นจะเป็นของท่าน
4:7 If thou therefore wilt worship me, all shall be thine.4:8 และพระเยซูทรงตอบและตรัสแก่มันว่า เจ้าจงถอยไปข้างหลังเรา ซาตานเอ๋ย เพราะมีเขียนไว้แล้วว่า ท่านจงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน และท่านจงปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว
4:8 And Jesus answered and said unto him, Get thee behind me, Satan: for it is written, Thou shalt worship the Lord thy God, and him only shalt thou serve.4:9 และมันก็นำพระองค์มายังกรุงเยรูซาเล็ม และวางพระองค์บนยอดหลังคาอันหนึ่งของพระวิหาร และกล่าวแก่พระองค์ว่า ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงทิ้งตัวลงไปจากที่นี่เถิด
4:9 And he brought him to Jerusalem, and set him on a pinnacle of the temple, and said unto him, If thou be the Son of God, cast thyself down from hence:4:10 เพราะมีเขียนไว้แล้วว่า พระองค์จะทรงกำชับเหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ในเรื่องท่าน เพื่อให้รักษาท่านไว้
4:10 For it is written, He shall give his angels charge over thee, to keep thee:4:11 และในมือของพวกเขา เหล่าทูตสวรรค์จะประคองชูท่านไว้ เกรงว่าในเวลาหนึ่งเวลาใดท่านจะกระแทกเท้าของท่านเข้ากับก้อนหิน
4:11 And in their hands they shall bear thee up, lest at any time thou dash thy foot against a stone.4:12 และพระเยซูตรัสตอบมันว่า มีคำกล่าวไว้ว่า ท่านอย่าลองดีองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน
4:12 And Jesus answering said unto him, It is said, Thou shalt not tempt the Lord thy God.4:13 และเมื่อพญามารทำการทดลองทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว มันก็ละพระองค์ไปชั่วคราว
4:13 And when the devil had ended all the temptation, he departed from him for a season.พระเยซูทรงเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณในแคว้นกาลิลี (มธ 4:12-16; มก 1:14)
4:14 และพระเยซูได้เสด็จกลับไปในฤทธิ์เดชของพระวิญญาณมายังแคว้นกาลิลี และชื่อเสียงของพระองค์ก็เลื่องลือไปตลอดทั่วบริเวณนั้นโดยรอบ
Spirit Filled Jesus in Galilee (Matt. 4:12-16; Mark 1:14)
4:14 And Jesus returned in the power of the Spirit into Galilee: and there went out a fame of him through all the region round about.4:15 และพระองค์ทรงสั่งสอนในบรรดาธรรมศาลาของพวกเขา โดยได้รับการสรรเสริญจากทุกคน
4:15 And he taught in their synagogues, being glorified of all.พระเยซูเสด็จกลับไปยังธรรมศาลาในเมืองนาซาเร็ธ
4:16 และพระองค์เสด็จมายังเมืองนาซาเร็ธ ที่ซึ่งพระองค์ได้ทรงเจริญวัยขึ้น และตามธรรมเนียมของพระองค์ พระองค์เสด็จเข้าไปในธรรมศาลาในวันสะบาโต และทรงยืนขึ้นเพื่อจะอ่าน
Jesus Returns to Nazareth Synagogue
4:16 And he came to Nazareth, where he had been brought up: and, as his custom was, he went into the synagogue on the sabbath day, and stood up for to read.4:17 และหนังสือของอิสยาห์ศาสดาพยากรณ์ได้ถูกส่งให้แก่พระองค์ และเมื่อพระองค์ทรงคลี่หนังสือนั้นออก พระองค์ก็พบสถานที่ที่เขียนไว้ว่า
4:17 And there was delivered unto him the book of the prophet Esaias. And when he had opened the book, he found the place where it was written,4:18 พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่บนข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนยากจน พระองค์ได้ทรงส่งข้าพเจ้ามาให้รักษาคนที่ชอกช้ำระกำใจ ให้ร้องประกาศการช่วยให้พ้นแก่บรรดาเชลย และการได้รับการมองเห็นคืนมาแก่คนตาบอด ให้ปล่อยคนทั้งหลายที่ฟกช้ำให้ได้รับเสรีภาพ
4:18 The Spirit of the Lord is upon me, because he hath anointed me to preach the gospel to the poor; he hath sent me to heal the brokenhearted, to preach deliverance to the captives, and recovering of sight to the blind, to set at liberty them that are bruised,4:19 เพื่อประกาศปีแห่งความโปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า
4:19 To preach the acceptable year of the Lord.4:20 และพระองค์ทรงม้วนหนังสือนั้น และพระองค์ส่งหนังสือนั้นคืนให้แก่เจ้าหน้าที่ และทรงนั่งลง และตาของพวกเขาทุกคนที่อยู่ในธรรมศาลาก็เพ่งดูที่พระองค์
4:20 And he closed the book, and he gave it again to the minister, and sat down. And the eyes of all them that were in the synagogue were fastened on him.4:21 และพระองค์จึงเริ่มตรัสแก่พวกเขาว่า ในวันนี้พระคัมภีร์ตอนนี้ก็สำเร็จในหูของท่านทั้งหลาย
4:21 And he began to say unto them, This day is this scripture fulfilled in your ears.4:22 และทุกคนเป็นพยานรับรองพระองค์ และประหลาดใจด้วยบรรดาคำอันประกอบด้วยพระคุณซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ และเขาทั้งหลายกล่าวว่า คนนี้เป็นบุตรชายของโยเซฟมิใช่หรือ
4:22 And all bare him witness, and wondered at the gracious words which proceeded out of his mouth. And they said, Is not this Joseph's son?4:23 และพระองค์จึงตรัสแก่พวกเขาว่า ท่านทั้งหลายจะกล่าวคำสุภาษิตข้อนี้แก่เราเป็นแน่ว่า หมอเอ๋ย จงรักษาตัวเองเถิด สิ่งใดก็ตามที่พวกเราได้ยินว่าได้ถูกกระทำในเมืองคาเปอรนาอุม จงกระทำในบ้านเมืองของท่านที่นี่ด้วย
4:23 And he said unto them, Ye will surely say unto me this proverb, Physician, heal thyself: whatsoever we have heard done in Capernaum, do also here in thy country.4:24 และพระองค์ตรัสว่า เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ไม่มีศาสดาพยากรณ์คนใดที่ได้รับการยอมรับในบ้านเมืองของตนเอง
4:24 And he said, Verily I say unto you, No prophet is accepted in his own country.4:25 แต่เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มีหญิงม่ายหลายคนในอิสราเอลในวันเวลาของเอลียาห์ เมื่อฟ้าสวรรค์ถูกปิดเสียเป็นเวลาสามปีกับหกเดือน เมื่อเกิดการกันดารอาหารใหญ่ทั่วทั้งแผ่นดิน
4:25 But I tell you of a truth, many widows were in Israel in the days of Elias, when the heaven was shut up three years and six months, when great famine was throughout all the land;4:26 แต่เอลียาห์มิได้ถูกส่งไปยังหญิงม่ายคนใด เว้นแต่ไปยังบ้านศาเรฟัท นครหนึ่งในแคว้นไซดอน ไปยังหญิงคนหนึ่งที่เป็นหญิงม่าย
4:26 But unto none of them was Elias sent, save unto Sarepta, a city of Sidon, unto a woman that was a widow.4:27 และมีคนโรคเรื้อนหลายคนในอิสราเอลในวันเวลาของเอลีชาศาสดาพยากรณ์ แต่ไม่มีผู้ใดในพวกเขาที่ได้รับการรักษาให้หายสะอาด เว้นแต่นาอามานชาวซีเรีย
4:27 And many lepers were in Israel in the time of Eliseus the prophet; and none of them was cleansed, saving Naaman the Syrian.4:28 และพวกเขาทุกคนในธรรมศาลา เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งเหล่านี้ ก็เต็มไปด้วยความโกรธเคือง
4:28 And all they in the synagogue, when they heard these things, were filled with wrath,4:29 และลุกขึ้น และผลักพระองค์ออกไปจากนคร และพาพระองค์ไปยังขอบหน้าผาของเนินเขาที่นครของพวกเขาถูกตั้งอยู่บนนั้น เพื่อพวกเขาจะโยนพระองค์ลงไป
4:29 And rose up, and thrust him out of the city, and led him unto the brow of the hill whereon their city was built, that they might cast him down headlong.4:30 แต่พระองค์ซึ่งดำเนินผ่านไปในท่ามกลางพวกเขา ก็เสด็จไปตามทางของพระองค์
4:30 But he passing through the midst of them went his way,พระเยซูทรงขับพวกผีออกในเมืองคาเปอรนาอุม (มก 1:23-26)
4:31 และพระองค์เสด็จลงมายังเมืองคาเปอรนาอุม นครหนึ่งแห่งแคว้นกาลิลี และได้สั่งสอนเขาทั้งหลายทุกวันสะบาโต
In Capernaum Jesus Casts Out Devils (Mark 1:23-26)
4:31 And came down to Capernaum, a city of Galilee, and taught them on the sabbath days.4:32 และคนทั้งหลายก็ประหลาดใจด้วยหลักคำสอนของพระองค์ เพราะคำของพระองค์ประกอบด้วยฤทธิ์เดช
4:32 And they were astonished at his doctrine: for his word was with power.4:33 และในธรรมศาลามีชายคนหนึ่ง ซึ่งมีผีโสโครกตนหนึ่งเข้าสิง และร้องออกมาด้วยเสียงดัง
4:33 And in the synagogue there was a man, which had a spirit of an unclean devil, and cried out with a loud voice,4:34 โดยกล่าวว่า ปล่อยพวกเราไว้แต่ลำพังเถิด พวกเราเกี่ยวข้องอะไรกับท่านเล่า ท่าน พระเยซูแห่งนาซาเร็ธ ท่านมาเพื่อจะทำลายพวกเราหรือ ข้ารู้ว่าท่านเป็นผู้ใด คือองค์บริสุทธิ์ของพระเจ้า
4:34 Saying, Let us alone; what have we to do with thee, thou Jesus of Nazareth? art thou come to destroy us? I know thee who thou art; the Holy One of God.4:35 และพระเยซูตรัสห้ามมัน โดยตรัสว่า เจ้าจงนิ่งเสีย และออกมาจากเขาซิ และเมื่อผีนั้นได้ทำให้เขาล้มลงในท่ามกลางแล้ว มันก็ออกมาจากเขา และมิได้ทำอันตรายเขาเลย
4:35 And Jesus rebuked him, saying, Hold thy peace, and come out of him. And when the devil had thrown him in the midst, he came out of him, and hurt him not.4:36 และพวกเขาทุกคนก็ประหลาดใจ และพูดกันในท่ามกลางพวกเขาเอง โดยกล่าวว่า คำนี้เป็นอะไรหนอ เพราะว่าท่านสั่งผีโสโครกทั้งหลายด้วยสิทธิอำนาจและฤทธิ์เดช และพวกมันก็ออกมา
4:36 And they were all amazed, and spake among themselves, saying, What a word is this! for with authority and power he commandeth the unclean spirits, and they come out.4:37 และชื่อเสียงของพระองค์ก็เลื่องลือไปในสถานที่ทุกแห่งของบริเวณที่อยู่รอบนั้น
4:37 And the fame of him went out into every place of the country round about.พระเยซูทรงประกาศและรักษาคนเจ็บป่วยให้หาย (มธ 8:14-17; มก 1:29-38)
4:38 และพระองค์ทรงลุกขึ้นออกไปจากธรรมศาลา และเสด็จเข้าไปในบ้านของซีโมน และแม่ยายของซีโมนป่วยเป็นไข้หนัก และเขาทั้งหลายอ้อนวอนพระองค์เพื่อนาง
Jesus Preaches and Heals Many (Matt. 8:14-17; Mark 1:29-38)
4:38 And he arose out of the synagogue, and entered into Simon's house. And Simon's wife's mother was taken with a great fever; and they besought him for her.4:39 และพระองค์ทรงยืนอยู่เหนือนาง และทรงห้ามไข้ และไข้นั้นก็ออกไปจากนาง และในทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นและปรนนิบัติเขาทั้งหลาย
4:39 And he stood over her, and rebuked the fever; and it left her: and immediately she arose and ministered unto them.4:40 บัดนี้เมื่อดวงอาทิตย์กำลังตกดิน พวกเขาทุกคนที่มีคนป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ก็พาพวกเขามาหาพระองค์ และพระองค์ทรงวางพระหัตถ์ของพระองค์บนพวกเขาทุกคน และทรงรักษาพวกเขาให้หาย
4:40 Now when the sun was setting, all they that had any sick with divers diseases brought them unto him; and he laid his hands on every one of them, and healed them.4:41 และผีหลายตนก็ออกมาจากคนหลายคนด้วย โดยร้องออก และกล่าวว่า ท่านเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้า และพระองค์โดยทรงห้ามพวกมัน ไม่ทรงอนุญาตให้พวกมันพูด เพราะว่าพวกมันทราบแล้วว่าพระองค์ทรงเป็นพระคริสต์
4:41 And devils also came out of many, crying out, and saying, Thou art Christ the Son of God. And he rebuking them suffered them not to speak: for they knew that he was Christ.4:42 และเมื่อสว่างแล้ว พระองค์ก็เสด็จออกไป และเสด็จเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร และประชาชนแสวงหาพระองค์ และมาหาพระองค์ และหน่วงเหนี่ยวพระองค์ไว้ เพื่อพระองค์จะไม่เสด็จไปจากพวกเขา
4:42 And when it was day, he departed and went into a desert place: and the people sought him, and came unto him, and stayed him, that he should not depart from them.4:43 และพระองค์ตรัสแก่พวกเขาว่า เราต้องประกาศอาณาจักรของพระเจ้าแก่นครอื่น ๆ เช่นกัน ด้วยว่าเพราะเหตุนี้เองเราจึงถูกส่งมา
4:43 And he said unto them, I must preach the kingdom of God to other cities also: for therefore am I sent.4:44 และพระองค์ทรงประกาศในธรรมศาลาทั้งหลายแห่งแคว้นกาลิลี
4:44 And he preached in the synagogues of Galilee.
พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version
© 2006 Philip Pope