กลับหน้าแรกพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์

 

มาระโก 8

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16]

ทรงเลี้ยงอาหารคนสี่พันคน (มธ 15:32-39)
8:1 ในวันเหล่านั้นเมื่อประชาชนมีคนเป็นจำนวนมาก และไม่มีอาหารกิน พระเยซูทรงเรียกพวกสาวกของพระองค์มาหาพระองค์ และตรัสกับพวกเขาว่า
8:2 “เรามีความกรุณาต่อประชาชนนี้ เพราะว่าตอนนี้พวกเขาอยู่กับเรามาสามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน
8:3 และถ้าเราจะส่งพวกเขาไปยังบ้านของพวกเขาเองเมื่อยังอดอาหารอยู่ พวกเขาจะสิ้นแรงลงตามทาง เพราะว่าบางคนในพวกเขามาจากที่ไกล”
8:4 และพวกสาวกของพระองค์ทูลตอบพระองค์ว่า “ในถิ่นทุรกันดารนี้ผู้ใดจะหาอาหารจากที่ไหนพอเลี้ยงคนเหล่านี้ให้อิ่มได้”
8:5 และพระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “พวกท่านมีขนมปังกี่ก้อน” และพวกเขาทูลว่า “มีเจ็ดก้อน”
8:6 และพระองค์ตรัสสั่งประชาชนให้นั่งลงบนพื้นดิน และพระองค์ทรงรับขนมปังเจ็ดก้อนนั้น และทรงขอบพระคุณ และทรงหัก และส่งให้พวกสาวกของพระองค์เพื่อให้วางตรงหน้าคนเหล่านั้น และพวกสาวกได้วางอาหารเหล่านั้นตรงหน้าประชาชน
8:7 และพวกเขามีปลาเล็ก ๆ อยู่บ้าง และพระองค์ทรงขอบพระคุณ และตรัสสั่งให้วางปลาเหล่านั้นตรงหน้าประชาชนด้วย
8:8 ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงได้รับประทานและอิ่ม และพวกเขาเก็บเศษอาหารที่ยังเหลือนั้นไว้ได้เจ็ดกระบุงเต็ม
8:9 และพวกเขาที่ได้รับประทานนั้นมีประมาณสี่พันคน และพระองค์ทรงส่งคนเหล่านั้นให้กลับไป

พวกฟาริสีขอหมายสำคัญ ทรงอธิบายคำอุปมาเกี่ยวกับเชื้อขนม (มธ 16:1-12)
8:10 และในทันใดนั้นพระองค์ทรงเข้าไปในเรือลำหนึ่งพร้อมกับพวกสาวกของพระองค์ และเข้ามาในหลายส่วนของแคว้นดาลมานูธา
8:11 และพวกฟาริสีออกมา และเริ่มโต้เถียงกับพระองค์ โดยขอร้องให้พระองค์สำแดงหมายสำคัญอันหนึ่งจากสวรรค์ เพื่อจะทดลองพระองค์
8:12 และพระองค์ทรงถอนพระทัยลึก ๆ ในวิญญาณของพระองค์ และตรัสว่า “ทำไมคนชั่วอายุนี้แสวงหาหมายสำคัญ เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า จะไม่โปรดให้หมายสำคัญแก่คนชั่วอายุนี้”
8:13 และพระองค์เสด็จไปจากพวกเขา และเมื่อเข้าไปในเรือลำนั้นอีกก็ทรงข้ามฟากไป
8:14 บัดนี้พวกสาวกได้ลืมเอาขนมปังไป และในเรือลำนั้นพวกเขามีขนมปังอยู่ก้อนเดียวเท่านั้น
8:15 และพระองค์ทรงกำชับพวกเขา โดยตรัสว่า “ดูเถิด จงระวังเชื้อของพวกฟาริสีและเชื้อของเฮโรดให้ดี”
8:16 และพวกเขาจึงยกเหตุผลกันในท่ามกลางพวกเขาเอง โดยกล่าวว่า “นี่เป็นเพราะว่าพวกเราไม่มีขนมปัง”
8:17 และเมื่อพระเยซูทรงทราบสิ่งนี้ พระองค์ก็ตรัสกับพวกเขาว่า “ทำไมพวกท่านจึงยกเหตุผลกันเพราะเหตุพวกท่านไม่มีขนมปัง พวกท่านยังไม่รับรู้และไม่เข้าใจหรือ พวกท่านมีใจของพวกท่านที่แข็งกระด้างไปแล้วหรือ
8:18 มีตาแล้วพวกท่านยังไม่เห็นหรือ และมีหูแล้วพวกท่านยังไม่ได้ยินหรือ และพวกท่านจำไม่ได้หรือ
8:19 เมื่อเราหักขนมปังห้าก้อนในท่ามกลางคนห้าพันคนนั้น พวกท่านได้เก็บเศษอาหารที่ยังเหลืออยู่นั้นได้กี่กระบุงเต็ม” พวกเขาทูลพระองค์ว่า “ได้สิบสองกระบุง”
8:20 “และเมื่อขนมปังเจ็ดก้อนในท่ามกลางคนสี่พันคนนั้น พวกท่านได้เก็บเศษอาหารที่ยังเหลืออยู่นั้นได้กี่กระบุงเต็ม” และพวกเขาทูลว่า “ได้เจ็ดกระบุง”
8:21 และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “แล้วเป็นอย่างไรพวกท่านถึงไม่เข้าใจเล่า”

พระเยซูทรงรักษาชายตาบอดใกล้เมืองเบธไซดาให้หาย
8:22 และพระองค์เสด็จมายังเมืองเบธไซดา และเขาทั้งหลายพาชายตาบอดคนหนึ่งมาหาพระองค์ และทูลอ้อนวอนพระองค์ให้โปรดแตะต้องคนนั้น
8:23 และพระองค์ทรงจูงมือของคนตาบอดนั้น และนำเขาออกไปนอกเมือง และเมื่อพระองค์ได้ทรงบ้วนน้ำลายลงบนตาทั้งสองของคนนั้น และทรงวางพระหัตถ์ของพระองค์บนเขาแล้ว พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า เขาเห็นสิ่งใดบ้างหรือไม่
8:24 และคนนั้นเงยหน้าขึ้น และทูลว่า “ข้าพระองค์เห็นผู้คนเป็นเหมือนต้นไม้หลายต้น กำลังเดินไปเดินมา”
8:25 หลังจากนั้นพระองค์ทรงวางพระหัตถ์ของพระองค์บนตาทั้งสองของเขาอีก และให้เขาเงยหน้าขึ้น และเขาก็กลับมาเหมือนเดิม และได้เห็นทุกคนอย่างชัดเจน
8:26 และพระองค์ทรงส่งคนนั้นไปยังบ้านของตน โดยตรัสว่า “อย่าเข้าไปในเมือง และอย่าเล่าให้ใครในเมืองนั้นฟังเลย”

การยอมรับของเปโตร (มธ 16:13-16; ลก 9:18-20)
8:27 และพระเยซูได้เสด็จออกไป กับพวกสาวกของพระองค์ เข้าไปในเมืองต่าง ๆ แห่งแคว้นซีซารียา ฟีลิปปี และตามทางนั้น พระองค์ตรัสถามพวกสาวกของพระองค์ โดยตรัสกับพวกเขาว่า “คนทั้งหลายพูดกันว่าเราคือผู้ใด”
8:28 และพวกเขาทูลตอบว่า “เป็นยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา แต่บางคนว่า เป็นเอลียาห์ และคนอื่น ๆ ว่า เป็นคนหนึ่งในพวกศาสดาพยากรณ์”
8:29 และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “แต่พวกท่านว่าเราเป็นผู้ใด” และเปโตรตอบและทูลพระองค์ว่า “พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์”
8:30 และพระองค์ทรงกำชับพวกเขาว่า พวกเขาไม่ควรบอกผู้ใดเกี่ยวกับพระองค์
8:31 และพระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนพวกเขาว่า บุตรมนุษย์จะต้องทนทุกข์หลายประการ และถูกปฏิเสธโดยพวกผู้อาวุโส และพวกปุโรหิตใหญ่ และพวกธรรมาจารย์ และจะถูกประหารชีวิต และหลังจากสามวันจะทรงเป็นขึ้นมาใหม่
8:32 และพระองค์ตรัสถ้อยคำนั้นอย่างเปิดเผย และเปโตรจับพระองค์ไว้ และเริ่มทูลท้วงพระองค์
8:33 แต่เมื่อพระองค์ทรงหันพระพักตร์ และทอดพระเนตรดูพวกสาวกของพระองค์ พระองค์ทรงว่ากล่าวเปโตร โดยตรัสว่า “เจ้าจงถอยไปข้างหลังเรา ซาตานเอ๋ย เพราะเจ้าไม่มีความคิดอยู่ที่สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นของพระเจ้า แต่สิ่งเหล่านั้นที่เป็นของมนุษย์”

ยอมแบกกางเขนหรือมีความละอายในการติดตามพระเยซู (มธ 16:24-27; ลก 9:23-26)
8:34 และเมื่อพระองค์ได้ทรงเรียกประชาชนมาหาพระองค์ พร้อมกับพวกสาวกของพระองค์ด้วย พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ผู้ใดก็ตามที่ปรารถนาจะตามเรามา ให้ผู้นั้นปฏิเสธตัวเอง และรับแบกกางเขนของตน และตามเรามา
8:35 เพราะว่าผู้ใดก็ตามที่ปรารถนาจะเอาชีวิตของตนรอด จะเสียชีวิตนั้น แต่ผู้ใดก็ตามที่ปรารถนาจะเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราและเพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐ ผู้นั้นเองจะได้ชีวิตรอด
8:36 เพราะคน ๆ หนึ่งจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าผู้นั้นจะได้โลกทั้งสิ้น และต้องสูญเสียจิตวิญญาณของตนเอง
8:37 หรือผู้นั้นจะเอาอะไรไปแลกกับจิตวิญญาณของตน
8:38 เหตุฉะนั้น ผู้ใดก็ตามที่จะมีความละอายเพราะเรา และเพราะบรรดาถ้อยคำของเราในชั่วอายุที่เล่นชู้และทำบาปนี้ บุตรมนุษย์ก็จะมีความละอายเพราะผู้นั้นด้วย เมื่อพระองค์จะเสด็จมาในสง่าราศีของพระบิดาของพระองค์ พร้อมกับเหล่าทูตสวรรค์ที่บริสุทธิ์”

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope