กลับหน้าแรก / Main Menu

 

โรม 13 / Romans 13

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16]

คริสเตียนจงยอมอยู่ใต้การปกครองของผู้มีอำนาจ
13:1 จงให้ทุกคนยอมอยู่ใต้บังคับของบรรดาผู้ที่มีอำนาจสูงกว่า เพราะว่าไม่มีอำนาจใดเลยที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า และบรรดาผู้ที่มีอำนาจนั้นถูกแต่งตั้งขึ้นโดยพระเจ้า

Christians Subject to Civil Authority
13:1 Let every soul be subject unto the higher powers. For there is no power but of God: the powers that be are ordained of God.

13:2 เหตุฉะนั้นผู้ใดก็ตามที่ต่อต้านอำนาจนั้นก็ต่อต้านบัญญัติของพระเจ้า และคนทั้งหลายที่ต่อต้าน จะได้รับพระอาชญามาสู่ตนเอง

13:2 Whosoever therefore resisteth the power, resisteth the ordinance of God: and they that resist shall receive to themselves damnation.

13:3 เพราะว่าบรรดาผู้ครอบครองนั้นไม่น่าหวาดกลัวต่อการงานทั้งหลายที่ดี แต่ต่อความชั่วร้าย แล้วท่านไม่ประสงค์ที่จะกลัวอำนาจนั้นหรือ จงกระทำสิ่งซึ่งดี และท่านจะได้รับการสรรเสริญจากผู้มีอำนาจนั้น

13:3 For rulers are not a terror to good works, but to the evil. Wilt thou then not be afraid of the power? do that which is good, and thou shalt have praise of the same:

13:4 เพราะว่าผู้ครอบครองนั้นเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าแก่ท่านสำหรับความดี แต่ถ้าท่านกระทำสิ่งซึ่งชั่วร้าย ก็จงกลัวเถิด เพราะว่าผู้ครอบครองนั้นหาได้ถือดาบไว้อย่างเปล่าประโยชน์ไม่ ด้วยว่าเขาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า เป็นผู้แก้แค้นเพื่อลงพระพิโรธแก่ผู้ที่กระทำความชั่วร้าย

13:4 For he is the minister of God to thee for good. But if thou do that which is evil, be afraid; for he beareth not the sword in vain: for he is the minister of God, a revenger to execute wrath upon him that doeth evil.

13:5 เหตุฉะนั้นพวกท่านจะต้องอยู่ใต้บังคับบัญชา มิใช่เพราะเหตุพระพิโรธเท่านั้น แต่เพราะเห็นแก่จิตสำนึกด้วย

13:5 Wherefore ye must needs be subject, not only for wrath, but also for conscience sake.

13:6 เพราะว่าด้วยเหตุนี้เองพวกท่านจงจ่ายส่วยอากรด้วย เพราะว่าบรรดาผู้มีอำนาจนั้นเป็นผู้รับใช้ทั้งหลายของพระเจ้า ซึ่งคอยรับใช้อย่างต่อเนื่องในสิ่งนี้เอง

13:6 For for this cause pay ye tribute also: for they are God's ministers, attending continually upon this very thing.

13:7 เหตุฉะนั้นจงให้แก่ทุกคนตามที่เขาสมควรได้รับ ส่วยอากรจงให้แก่ผู้ที่สมควรได้รับส่วยอากร ภาษีจงให้แก่ผู้ที่สมควรได้รับภาษี ความยำเกรงจงให้แก่ผู้ที่สมควรได้รับความยำเกรง เกียรติยศจงให้แก่ผู้ที่สมควรได้รับเกียรติยศ

13:7 Render therefore to all their dues: tribute to whom tribute is due; custom to whom custom; fear to whom fear; honour to whom honour.

“เราจะรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” ได้อย่างไร
13:8 อย่าเป็นหนี้สิ่งใด ๆ แก่มนุษย์คนใดเลย ยกเว้นที่จะรักซึ่งกันและกัน เพราะว่าผู้ที่รักคนอื่นก็ทำให้พระราชบัญญัติสำเร็จแล้ว

How “Love Thy Neighbor as Thyself” Works
13:8 Owe no man any thing, but to love one another: for he that loveth another hath fulfilled the law.

13:9 ด้วยว่าคำตรัสนี้ ‘เจ้าอย่าเล่นชู้ เจ้าอย่าฆ่าคน เจ้าอย่าลักทรัพย์ เจ้าอย่าเป็นพยานเท็จ เจ้าอย่าโลภ’ และถ้ามีพระบัญญัติอื่นใด มันก็ถูกเข้าใจอย่างย่อ ๆ ในถ้อยคำนี้คือ ‘เจ้าจงรักเพื่อนบ้านของเจ้าเหมือนตนเอง’

13:9 For this, Thou shalt not commit adultery, Thou shalt not kill, Thou shalt not steal, Thou shalt not bear false witness, Thou shalt not covet; and if there be any other commandment, it is briefly comprehended in this saying, namely, Thou shalt love thy neighbour as thyself.

13:10 ความรักไม่ทำอันตรายแก่เพื่อนบ้านของตนเลย เหตุฉะนั้นความรักจึงเป็นการทำให้พระราชบัญญัติสำเร็จแล้ว

13:10 Love worketh no ill to his neighbour: therefore love is the fulfilling of the law.

13:11 และนี่แหละ โดยทราบกาลสมัยว่า บัดนี้เป็นเวลาที่ควรจะตื่นจากการหลับแล้ว เพราะว่าบัดนี้ความรอดของพวกเราก็ใกล้กว่าเมื่อพวกเราได้รับเชื่อนั้น

13:11 And that, knowing the time, that now it is high time to awake out of sleep: for now is our salvation nearer than when we believed.

13:12 กลางคืนล่วงไปมากแล้ว กลางวันก็มาใกล้แล้ว เหตุฉะนั้นจงให้พวกเราถอดทิ้งการงานเหล่านั้นแห่งความมืด และจงให้พวกเราสวมเครื่องอาวุธแห่งความสว่าง

13:12 The night is far spent, the day is at hand: let us therefore cast off the works of darkness, and let us put on the armour of light.

13:13 จงให้พวกเราดำเนินอย่างซื่อสัตย์ เหมือนอย่างในเวลากลางวัน มิใช่ในการสนุกสนานเฮฮาและการมึนเมา มิใช่ในการลามกและการหยาบโลน มิใช่ในการวิวาทและการริษยากัน

13:13 Let us walk honestly, as in the day; not in rioting and drunkenness, not in chambering and wantonness, not in strife and envying.

13:14 แต่ท่านทั้งหลายจงสวมตัวด้วยพระเยซูคริสต์เจ้า และอย่าจัดเตรียมอะไรไว้สำหรับเนื้อหนัง เพื่อสนองบรรดาราคะตัณหาของเนื้อหนังนั้น

13:14 But put ye on the Lord Jesus Christ, and make not provision for the flesh, to fulfil the lusts thereof.

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope