กลับหน้าแรกพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์

 

ลูกา 13

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21] [22] [23] [24]

กลับใจหรือพินาศ
13:1 ขณะนั้น มีบางคนอยู่ที่นั่นที่เล่าเรื่องชาวกาลิลีให้พระองค์ฟัง ผู้ซึ่งโลหิตของพวกเขาถูกปีลาตเอาระคนกับเครื่องบูชาทั้งหลายของพวกเขา
13:2 และพระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายคิดว่าชาวกาลิลีเหล่านี้เป็นพวกคนบาปยิ่งกว่าชาวกาลิลีทั้งหมด เพราะว่าพวกเขาได้ทุกข์ทรมานบรรดาสิ่งเช่นนั้นหรือ
13:3 เราบอกท่านทั้งหลายว่า มิใช่ แต่นอกจากท่านทั้งหลายกลับใจเสียใหม่ พวกท่านทุกคนจะพินาศเหมือนกัน
13:4 หรือสิบแปดคนนั้น ผู้ซึ่งหอรบที่สิโลอัมได้ล้มทับ และฆ่าพวกเขาเสียนั้น ท่านทั้งหลายคิดว่า พวกเขาเป็นพวกคนบาปยิ่งกว่ามนุษย์ทุกคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ
13:5 เราบอกท่านทั้งหลายว่า มิใช่ แต่นอกจากท่านทั้งหลายกลับใจเสียใหม่ พวกท่านทุกคนจะพินาศเหมือนกัน”

คำอุปมาเกี่ยวกับต้นมะเดื่อที่ไร้ผล (อสย 5:1-7; มธ 21:18-20)
13:6 พระองค์ตรัสคำอุปมานี้ด้วยว่า “ชายคนหนึ่งมีต้นมะเดื่อต้นหนึ่งปลูกไว้ในสวนองุ่นของตน และเขามาและหาผลที่ต้นนั้นและไม่พบผลเลย
13:7 แล้วเขาจึงกล่าวแก่คนที่รักษาสวนองุ่นของเขาว่า ‘ดูเถิด เรามาหาผลที่ต้นมะเดื่อนี้เป็นเวลาสามปีแล้ว และไม่พบผลเลย จงโค่นมันเสีย จะให้มันทำให้ดินรกไปเปล่า ๆ ทำไม’
13:8 และคนที่รักษาสวนองุ่นตอบเขาว่า ‘นายเจ้าข้า ขอปล่อยต้นมะเดื่อนี้ไว้ปีนี้ด้วย จนกว่าข้าพเจ้าจะขุดดินรอบ ๆ มัน และใส่ปุ๋ยมัน
13:9 และถ้ามันเกิดผลก็ดีอยู่ และถ้าไม่ แล้วภายหลังท่านจงโค่นมันเสีย’”

หญิงคนหนึ่งถูกรักษาให้หายในวันสะบาโต
13:10 และพระองค์ทรงสั่งสอนอยู่ที่ธรรมศาลาแห่งหนึ่งในวันสะบาโต
13:11 และดูเถิด หญิงคนหนึ่งซึ่งมีผีแห่งความเจ็บป่วยเข้าสิงอยู่เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว และหลังโกง และนางยืดตัวเองขึ้นไม่ได้เลย
13:12 และเมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นนาง พระองค์ทรงเรียกนางมาหาพระองค์ และตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย ตัวเจ้าหายพ้นจากความเจ็บป่วยของเจ้าแล้ว”
13:13 และพระองค์ทรงวางพระหัตถ์ของพระองค์บนนาง และในทันใดนั้นนางก็ถูกทำให้ตัวตรง และถวายสง่าราศีแด่พระเจ้า
13:14 และนายธรรมศาลาก็ตอบด้วยความโกรธเคือง เพราะพระเยซูได้ทรงรักษาให้หายในวันสะบาโต และกล่าวแก่ประชาชนว่า “มีอยู่หกวันซึ่งมนุษย์ควรจะทำงาน เหตุฉะนั้นในหกวันนั้นจงมาและรับการรักษาเถิด และไม่ใช่ในวันสะบาโต”
13:15 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบเขา และตรัสว่า “เจ้า คนหน้าซื่อใจคด เจ้าทั้งหลายทุกคนในวันสะบาโตแก้วัวของตนหรือลาของตนจากคอกมัน และพามันไปให้กินน้ำมิใช่หรือ
13:16 และไม่ควรหรือที่หญิงผู้นี้ ซึ่งเป็นลูกสาวคนหนึ่งของอับราฮัม ผู้ซึ่งซาตานได้ผูกมัดไว้ ดูเถิด เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว ถูกปลดปล่อยจากเครื่องจองจำนี้ในวันสะบาโต”
13:17 และเมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านี้แล้ว บรรดาปฏิปักษ์ของพระองค์ต้องขายหน้า และประชาชนทั้งหมดก็เปรมปรีดิ์เพราะสิ่งสารพัดอันเปี่ยมสง่าราศีที่ได้ถูกกระทำโดยพระองค์

คำอุปมาเกี่ยวกับเมล็ดมัสตาร์ด (มธ 13:31-32; มก 4:30-32)
13:18 แล้วพระองค์จึงตรัสว่า “อาณาจักรของพระเจ้าเปรียบเหมือนสิ่งใด และเราจะเปรียบอาณาจักรนั้นคล้ายกับอะไรดี
13:19 อาณาจักรนั้นก็เปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง ซึ่งชายคนหนึ่งเอามา และโยนเข้าไปในสวนของตน และมันได้งอกขึ้น และกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ และบรรดานกแห่งอากาศมาอาศัยอยู่ตามกิ่งก้านของต้นนั้น”

คำอุปมาเกี่ยวกับเชื้อ (มธ 13:33)
13:20 และอีกครั้งพระองค์ตรัสว่า “เราจะเปรียบอาณาจักรของพระเจ้าเหมือนสิ่งใด
13:21 อาณาจักรนั้นก็เปรียบเหมือนเชื้อ ซึ่งผู้หญิงคนหนึ่งเอามา และซ่อนไว้ในแป้งบดสามถัง จนแป้งบดนั้นฟูขึ้นทั้งหมด”
13:22 และพระองค์เสด็จผ่านไปตามบรรดานครและหมู่บ้านทั้งหลาย โดยสั่งสอน และเดินทางมุ่งหน้าไปยังกรุงเยรูซาเล็ม
13:23 แล้วคนหนึ่งกล่าวแก่พระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า คนที่รอดนั้นมีน้อยคนหรือ” และพระองค์ตรัสแก่เขาทั้งหลายว่า
13:24 “จงเพียรเข้าไปทางประตูคับนั้น เพราะเรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า คนเป็นอันมากจะเสาะหาที่จะเข้าไป และจะไม่สามารถเข้าไปได้
13:25 เมื่อเจ้าของบ้านลุกขึ้นและปิดประตูแล้ว และท่านทั้งหลายเริ่มยืนอยู่ภายนอก และเคาะที่ประตู โดยกล่าวว่า ‘นายเจ้าข้า ๆ ขอเปิดให้พวกข้าพเจ้าเถิด’ และเจ้าของบ้านนั้นจะตอบและกล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ‘เราไม่รู้จักพวกเจ้าว่า พวกเจ้ามาจากไหน’
13:26 ขณะนั้นท่านทั้งหลายจะเริ่มกล่าวว่า ‘พวกข้าพเจ้าได้กินและได้ดื่มต่อหน้าท่าน และท่านได้สั่งสอนตามถนนทั้งหลายของพวกข้าพเจ้า’
13:27 แต่เจ้าของบ้านนั้นจะกล่าวว่า ‘เราบอกเจ้าทั้งหลายว่า เราไม่รู้จักพวกเจ้าว่า พวกเจ้ามาจากไหน จงไปเสียจากเรา พวกเจ้า บรรดาผู้กระทำความชั่วช้า’
13:28 ที่นั่นจะมีการร้องไห้และขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เมื่อท่านทั้งหลายจะเห็นอับราฮัม และอิสอัค และยาโคบ และบรรดาศาสดาพยากรณ์ในอาณาจักรของพระเจ้า และตัวท่านทั้งหลายเองถูกผลักออกไป
13:29 และพวกเขาจะมาจากทิศตะวันออก และจากทิศตะวันตก และจากทิศเหนือ และจากทิศใต้ และจะมาเอนกายลงในอาณาจักรของพระเจ้า
13:30 และดูเถิด มีผู้ที่เป็นคนสุดท้ายซึ่งจะกลับเป็นคนต้น และมีผู้ที่เป็นคนต้นซึ่งจะกลับเป็นคนสุดท้าย”
13:31 ในวันนั้นเอง บางคนจากพวกฟาริสีมา โดยกล่าวแก่พระองค์ว่า “ท่านจงออกไป และไปจากที่นี่เถิด เพราะว่าเฮโรดประสงค์จะฆ่าท่าน”
13:32 และพระองค์ตรัสแก่พวกเขาว่า “พวกท่านจงไป และบอกสุนัขจิ้งจอกนั้นว่า ‘ดูเถิด เราขับพวกผีออก และเราทำบรรดาการรักษาให้หายในวันนี้และพรุ่งนี้ และในวันที่สามเราจะถูกทำให้สำเร็จ’
13:33 แต่อย่างไรก็ตาม เราจะต้องเดินไปวันนี้ และพรุ่งนี้ และมะรืนนี้ เพราะว่าศาสดาพยากรณ์จะพินาศออกไปจากกรุงเยรูซาเล็มก็ไม่ได้

พระเยซูทรงคร่ำครวญเพราะกรุงเยรูซาเล็มที่หลงทาง (มธ 23:37-39; ลก 19:41-44)
13:34 โอ เยรูซาเล็ม ๆ ซึ่งฆ่าบรรดาศาสดาพยากรณ์ และเอาหินขว้างคนทั้งหลายที่ถูกส่งมายังเจ้า เราใคร่จะรวบรวมลูก ๆ ของเจ้าไว้เนือง ๆ เหมือนแม่ไก่กกลูก ๆ ของมันให้อยู่ใต้ปีกของมัน และพวกเจ้าไม่ยอมเลย
13:35 ดูเถิด ‘พระนิเวศน์ของพวกเจ้าก็ถูกละทิ้งให้รกร้างแก่พวกเจ้า’ และเรากล่าวความจริงแก่เจ้าทั้งหลายว่า เจ้าทั้งหลายจะไม่เห็นเรา จนกว่าเวลานั้นจะมาถึงเมื่อพวกเจ้าจะกล่าวว่า ‘ขอให้พระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรับพระพร’”

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope