กลับหน้าแรกพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์

 

มาระโก 7

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16]

ทรงตำหนิประเพณีของพวกฟาริสี (มธ 15:1-20)
7:1 แล้วพวกฟาริสีกับพวกธรรมาจารย์บางคน ซึ่งมาจากกรุงเยรูซาเล็ม ได้รวมกันมาหาพระองค์
7:2 และเมื่อพวกเขาได้เห็นพวกสาวกของพระองค์บางคนรับประทานอาหารด้วยมือที่เป็นมลทิน คือมือที่มิได้ล้างก่อน พวกเขาก็ถือว่าผิด
7:3 เพราะว่าพวกฟาริสีกับพวกยิวทั้งสิ้น ถ้าพวกเขาไม่ล้างมือของตนบ่อย ๆ ก็ไม่รับประทานเลย โดยถือประเพณีของพวกผู้อาวุโส
7:4 และเมื่อพวกเขามาจากตลาด ถ้าพวกเขาไม่ล้างก่อน พวกเขาก็ไม่รับประทานเลย และมีสิ่งอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งพวกเขาได้รับมาเพื่อถือปฏิบัติ เช่นการล้างบรรดาถ้วย และเหยือกทั้งหลาย และพวกภาชนะทองเหลือง และโต๊ะต่าง ๆ
7:5 แล้วพวกฟาริสีกับพวกธรรมาจารย์จึงถามพระองค์ว่า “ทำไมพวกสาวกของท่านไม่ดำเนินชีวิตตามประเพณีของพวกผู้อาวุโส แต่รับประทานอาหารด้วยมือที่มิได้ล้างเสียก่อน”
7:6 พระองค์ทรงตอบและตรัสกับพวกเขาว่า “อิสยาห์ได้พยากรณ์ถึงพวกท่านพวกหน้าซื่อใจคดก็ถูกต้องแล้ว ตามที่มีเขียนไว้ว่า ‘ชนชาตินี้ให้เกียรติเราด้วยริมฝีปากของพวกเขา แต่ใจของพวกเขาอยู่ห่างไกลจากเรา
7:7 แต่พวกเขานมัสการเราโดยไร้ประโยชน์ โดยสอนบรรดาบทบัญญัติของมนุษย์เป็นหลักคำสอนทั้งหลาย’
7:8 เพราะโดยการละทิ้งพระบัญญัติของพระเจ้า ท่านทั้งหลายถือประเพณีของมนุษย์ เช่นการล้างบรรดาถ้วยและเหยือกทั้งหลาย และสิ่งอื่น ๆ เช่นนี้อีกหลายสิ่ง ท่านทั้งหลายก็ทำอยู่”
7:9 และพระองค์ตรัสแก่พวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายปฏิเสธพระบัญญัติของพระเจ้าอย่างเต็มที่จริง ๆ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้ถือประเพณีของพวกท่านเอง
7:10 เพราะโมเสสได้กล่าวไว้ว่า ‘จงให้เกียรติแก่บิดาของเจ้าและมารดาของเจ้า’ และ ‘ผู้ใดก็ตามที่แช่งด่าบิดาหรือมารดา จงให้ผู้นั้นถูกประหารชีวิต’
7:11 แต่พวกท่านกล่าวว่า ‘ถ้าผู้ใดจะกล่าวแก่บิดาหรือมารดาของตนว่า “สิ่งใดก็ตามของข้าพเจ้าซึ่งอาจเป็นประโยชน์แก่ท่าน สิ่งนั้นเป็นโกระบัน แปลว่า เป็นของถวายแล้ว เขาจะเป็นไท”’
7:12 และท่านทั้งหลายจึงไม่อนุญาตให้ผู้นั้นทำสิ่งใดต่อไปเพื่อบิดาของเขาหรือมารดาของเขา
7:13 จึงทำให้พระวจนะของพระเจ้าไม่มีผลกระทบใด ๆ โดยประเพณีของพวกท่าน ซึ่งพวกท่านได้มอบไว้ และสิ่งอื่น ๆ เช่นนี้อีกหลายสิ่ง ท่านทั้งหลายก็ทำอยู่”
7:14 และเมื่อพระองค์ทรงเรียกประชาชนทุกคนให้เข้ามาหาพระองค์ พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านทุกคนจงตั้งใจฟังเราและเข้าใจเถิด
7:15 ไม่มีสิ่งใดจากภายนอกมนุษย์ ที่เข้าไปภายในมนุษย์จะกระทำให้มนุษย์เป็นมลทินได้ แต่สิ่งทั้งหลายซึ่งออกมาจากภายในมนุษย์ สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่กระทำให้มนุษย์เป็นมลทิน
7:16 ถ้าผู้ใดมีหูที่จะฟัง จงให้ผู้นั้นฟังเถิด”
7:17 และเมื่อพระองค์ได้เสด็จเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งพ้นจากประชาชนแล้ว พวกสาวกของพระองค์ก็ได้ทูลถามพระองค์เกี่ยวกับคำอุปมานั้น
7:18 และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายยังปราศจากความเข้าใจด้วยหรือ พวกท่านยังไม่รับรู้หรือว่า สิ่งใดก็ตามจากภายนอกที่เข้าไปภายในมนุษย์ สิ่งนั้นไม่สามารถกระทำให้มนุษย์เป็นมลทินได้
7:19 เพราะว่าสิ่งนั้นไม่เข้าไปในใจของเขา แต่เข้าไปในท้อง และออกลงไปในส้วม ทำให้อาหารทุกอย่างปราศจากมลทิน”
7:20 และพระองค์ตรัสว่า “สิ่งซึ่งออกมาจากภายในมนุษย์ สิ่งนั้นทำให้มนุษย์เป็นมลทิน
7:21 เพราะว่าจากภายใน คือออกมาจากใจมนุษย์ มีบรรดาความคิดชั่วร้าย การเล่นชู้ การล่วงประเวณี การฆาตกรรม
7:22 การลักขโมย การโลภ ความชั่ว การล่อลวง ราคะตัณหา แววตาอันชั่วร้าย การหมิ่นประมาท ความเย่อหยิ่ง ความโฉดเขลา
7:23 สารพัดสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้มาจากภายใน และทำให้มนุษย์เป็นมลทิน”

ทรงรักษาลูกสาวของหญิงชาติซีเรียฟีนิเซียที่มีผีเข้าสิงอยู่ให้หาย (มธ 15:21-28)
7:24 และพระองค์ทรงลุกขึ้นเสด็จไปจากที่นั่น และเข้าไปในเขตแดนแห่งเมืองไทระและเมืองไซดอน และเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง และประสงค์จะไม่ให้ผู้ใดรู้ แต่พระองค์จะถูกซ่อนอยู่ไม่ได้
7:25 เพราะผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้ซึ่งลูกสาวของตนมีผีโสโครกตนหนึ่งเข้าสิงอยู่ ได้ยินเรื่องพระองค์ และมาและกราบลงที่พระบาทของพระองค์
7:26 ผู้หญิงคนนั้นเป็นชาวกรีก ชนชาติซีเรียฟีนิเซีย และนางทูลอ้อนวอนพระองค์ ขอให้พระองค์ขับผีนั้นออกจากลูกสาวของตน
7:27 แต่พระเยซูตรัสกับนางนั้นว่า “จงให้ลูก ๆ กินอิ่มเสียก่อน เพราะว่าไม่สมควรที่จะเอาอาหารของลูก ๆ ไป และโยนอาหารนั้นให้แก่พวกสุนัข”
7:28 และนางตอบและทูลพระองค์ว่า “จริงพระองค์เจ้าข้า แต่พวกสุนัขที่อยู่ใต้โต๊ะนั้นย่อมกินเศษอาหารของลูก ๆ”
7:29 และพระองค์ตรัสกับนางว่า “เพราะเหตุถ้อยคำนี้จงไปตามทางของเจ้าเถิด ผีนั้นออกจากลูกสาวของเจ้าแล้ว”
7:30 และเมื่อนางมาถึงบ้านของตน นางได้พบว่าผีนั้นออกไปแล้ว และลูกสาวของตนนอนอยู่บนที่นอน

ทรงรักษาชายที่หูหนวกและเป็นใบ้ให้หาย (มธ 15:29-31)
7:31 และอีกครั้ง เมื่อเสด็จไปจากเขตแดนแห่งเมืองไทระและเมืองไซดอนแล้ว พระองค์ดำเนินมายังทะเลกาลิลี โดยผ่านในท่ามกลางเขตแดนแห่งแคว้นทศบุรี
7:32 และเขาทั้งหลายพาชายหูหนวกคนหนึ่งมาหาพระองค์ และมีสิ่งหนึ่งที่ขัดขวางในการพูดของเขา และพวกเขาทูลอ้อนวอนพระองค์ให้ทรงวางพระหัตถ์ของพระองค์บนคนนั้น
7:33 และพระองค์ทรงนำคนนั้นออกจากประชาชนไปอยู่ต่างหาก และทรงเอานิ้วพระหัตถ์ของพระองค์ยอนเข้าในหูทั้งสองของชายผู้นั้น และพระองค์ทรงบ้วนน้ำลาย และแตะลิ้นของคนนั้น
7:34 และทรงเงยพระพักตร์ดูฟ้าสวรรค์ พระองค์ทรงถอนพระทัย และตรัสกับคนนั้นว่า “เอฟฟาธา” แปลว่า “จงถูกเปิดออก”
7:35 และในทันใดนั้นหูทั้งสองของคนนั้นก็ถูกเปิดออก และสิ่งที่ขัดลิ้นของเขานั้นก็หลุดไป และเขาพูดได้ชัด
7:36 และพระองค์ทรงกำชับพวกเขาว่า พวกเขาไม่ควรบอกเล่าแก่ผู้ใดเลย แต่ยิ่งพระองค์ทรงกำชับพวกเขามากเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งประกาศเรื่องนี้มากขึ้นเท่านั้น
7:37 และประหลาดใจเหลือขนาด โดยกล่าวว่า “พระองค์ทรงกระทำสิ่งสารพัดอย่างดีทั้งนั้น พระองค์ทรงกระทำทั้งคนหูหนวกให้ได้ยิน และคนใบ้ให้พูดได้”

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope