กลับหน้าแรกพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์

 

มาระโก 6

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16]

พระเยซูทรงกลับไปในเมืองนาซาเร็ธ (มธ 13:54-58; ลก 4:16-30)
6:1 และพระองค์ได้เสด็จออกจากที่นั่น และเข้ามาในบ้านเมืองของพระองค์เอง และพวกสาวกของพระองค์ก็ตามพระองค์ไป
6:2 และเมื่อถึงวันสะบาโตแล้ว พระองค์ทรงตั้งต้นสั่งสอนในธรรมศาลา และหลายคนที่ได้ยินพระองค์ก็ประหลาดใจ โดยกล่าวว่า “คนนี้ได้สิ่งเหล่านี้มาจากไหน และสติปัญญาซึ่งได้ประทานแก่เขาเป็นอย่างใด จนบรรดาการอิทธิฤทธิ์เช่นนี้ก็ถูกกระทำโดยมือของเขา
6:3 คนนี้เป็นช่างไม้ บุตรชายของนางมารีย์ และเป็นพี่ชายของยากอบ และโยเสส และของยูดาส และซีโมนมิใช่หรือ และน้องสาวทั้งหลายของเขาก็อยู่ที่นี่กับพวกเรามิใช่หรือ” และพวกเขาจึงหมางใจในพระองค์
6:4 แต่พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “ศาสดาพยากรณ์ย่อมไม่ปราศจากเกียรติยศ เว้นแต่ในบ้านเมืองของตนเอง และท่ามกลางญาติพี่น้องของตนเอง และในครัวเรือนของตนเอง”
6:5 และพระองค์จะกระทำการอิทธิฤทธิ์ที่นั่นไม่ได้ เว้นแต่พระองค์ได้วางพระหัตถ์ของพระองค์บนคนเจ็บป่วยบางคน และรักษาพวกเขาให้หาย
6:6 และพระองค์ก็ประหลาดพระทัยเพราะเหตุความไม่เชื่อของพวกเขา และพระองค์จึงเสด็จไปสั่งสอนโดยรอบตามหมู่บ้านต่าง ๆ

ทรงส่งอัครทูตสิบสองคนออกไปประกาศ (มธ 10:1-42; ลก 9:1-6)
6:7 และพระองค์ทรงเรียกสิบสองคนนั้นมาหาพระองค์ และทรงเริ่มส่งพวกเขาให้ออกไปเป็นคู่ ๆ และประทานอำนาจให้พวกเขาเหนือผีโสโครกทั้งหลาย
6:8 และตรัสกำชับพวกเขาว่า ไม่ให้พวกเขาเอาอะไรไปสำหรับการเดินทางของพวกเขา เว้นแต่ไม้เท้าสิ่งเดียว ไม่เอาย่าม ไม่เอาอาหาร ไม่เอาเงินในกระเป๋าของพวกเขาไป
6:9 แต่ให้สวมรองเท้าแตะ และไม่ให้สวมเสื้อคลุมสองตัว
6:10 และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ในสถานที่แห่งใดก็ตามที่พวกท่านเข้าอาศัยในบ้านหลังหนึ่ง จงอาศัยในบ้านนั้นจนกว่าพวกท่านจะไปจากที่นั่น
6:11 และผู้ใดก็ตามที่จะไม่ต้อนรับพวกท่าน และไม่ฟังพวกท่าน เมื่อพวกท่านจะไปจากที่นั่น จงสะบัดผงคลีใต้ฝ่าเท้าของพวกท่านออกเสีย เพื่อจะได้เป็นพยานต่อพวกเขา เรากล่าวความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในวันแห่งการพิพากษานั้น โทษของเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์จะเบากว่าโทษของนครนั้น”
6:12 และพวกสาวกก็ออกไป และประกาศว่าคนทั้งหลายควรกลับใจเสียใหม่
6:13 และพวกเขาได้ขับผีออกหลายตน และได้ชโลมคนเจ็บป่วยหลายคนด้วยน้ำมัน และรักษาพวกเขาให้หาย

เฮโรดทรงสั่งให้ตัดศีรษะยอห์นผู้ให้รับบัพติศมา (มธ 14:1-12; ลก 9:7-9)
6:14 และกษัตริย์เฮโรดทรงได้ยินเรื่องของพระองค์ (เพราะว่าพระนามของพระองค์ได้เลื่องลือไป) และท่านตรัสว่า “ยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาได้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และเหตุฉะนั้นบรรดาการอิทธิฤทธิ์จึงได้แสดงพวกมันเองออกมาในตัวเขา”
6:15 คนอื่น ๆ ว่า “เป็นเอลียาห์” และคนอื่น ๆ ว่า “เป็นศาสดาพยากรณ์คนหนึ่ง หรือเหมือนคนหนึ่งในพวกศาสดาพยากรณ์”
6:16 แต่เมื่อเฮโรดทรงได้ยินเรื่องนั้นแล้ว ท่านจึงตรัสว่า “คือยอห์นนั้นเอง ผู้ที่เราได้ตัดศีรษะเสีย เขาเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว”
6:17 ด้วยว่าเฮโรดเองได้ส่งไปและจับยอห์น และมัดเขาไว้ในคุก เพราะเห็นแก่นางเฮโรเดียสภรรยาของฟีลิปน้องชายของตน ด้วยเฮโรดได้รับนางนั้นเป็นภรรยาของตน
6:18 เพราะยอห์นได้กล่าวแก่เฮโรดว่า “เป็นการผิดพระราชบัญญัติที่ท่านจะรับภรรยาของน้องชายมาเป็นภรรยาของตน”
6:19 เหตุฉะนั้นนางเฮโรเดียสจึงผูกพยาบาทต่อยอห์น และปรารถนาจะฆ่าท่านเสีย แต่นางไม่สามารถทำได้
6:20 เพราะเฮโรดยำเกรงยอห์น โดยทราบว่าท่านเป็นคนชอบธรรมและบริสุทธิ์ และได้เชื่อฟังท่าน และเมื่อเฮโรดได้ยินท่าน เฮโรดก็ปฏิบัติตามหลายสิ่ง และรับฟังท่านด้วยความยินดี
6:21 และเมื่อวันที่เหมาะสมมาถึง ในวันฉลองวันกำเนิดของเฮโรด เฮโรดให้จัดการเลี้ยงบรรดาขุนนางของท่าน พวกนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และคนสำคัญ ๆ ทั้งหลายแห่งแคว้นกาลิลี
6:22 และเมื่อบุตรสาวของนางเฮโรเดียสเข้ามาและเต้นรำ และทำให้เฮโรดและคนทั้งหลายซึ่งเอนกายลงอยู่ด้วยกันกับท่านนั้นชอบใจ กษัตริย์จึงตรัสกับหญิงสาวนั้นว่า “จงขอสิ่งใดก็ตามที่เจ้าปรารถนาจากเรา และเราก็จะให้สิ่งนั้นแก่เจ้า”
6:23 และเฮโรดจึงทรงปฏิญาณตัวไว้กับหญิงสาวนั้นว่า “สิ่งใดก็ตามที่เจ้าจะขอจากเรา เราจะให้สิ่งนั้นแก่เจ้า จนถึงครึ่งราชสมบัติของเรา”
6:24 และหญิงสาวนั้นจึงออกไป และกล่าวแก่มารดาของเธอว่า “ลูกจะขอสิ่งใดดี” และมารดากล่าวว่า “จงขอศีรษะของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาเถิด”
6:25 และในทันใดนั้นเธอก็เข้ามาเฝ้ากษัตริย์ด้วยความเร่งรีบ และทูลขอ โดยทูลว่า “หม่อมฉันปรารถนาให้พระองค์ประทานศีรษะของยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาใส่ถาดมาให้หม่อมฉันเดี๋ยวนี้เพคะ”
6:26 และกษัตริย์ก็เศร้าใจยิ่งนัก แต่เพราะเห็นแก่คำปฏิญาณของท่านนั้น และเพราะเห็นแก่คนทั้งหลายซึ่งเอนกายลงรับประทานอาหารด้วยกันกับท่าน ท่านจึงไม่อยากปฏิเสธเธอ
6:27 และในทันใดนั้นกษัตริย์จึงส่งเพชฌฆาตคนหนึ่งไป และสั่งให้นำศีรษะยอห์นมา และเพชฌฆาตก็ไป และตัดศีรษะของยอห์นในคุก
6:28 และนำศีรษะของยอห์นใส่ถาดมา และมอบศีรษะของยอห์นให้แก่หญิงสาวนั้น และหญิงสาวนั้นก็มอบศีรษะของยอห์นให้แก่มารดาของเธอ
6:29 และเมื่อพวกสาวกของยอห์นได้ยินเรื่องนี้แล้ว พวกเขาก็มาและรับเอาศพของท่านไป และฝังศพไว้ในอุโมงค์

อัครทูตกลับมาและพักผ่อน (ลก 9:10)
6:30 และพวกอัครทูตรวมตัวกันมาหาพระเยซู และได้ทูลพระองค์ถึงสิ่งสารพัด ทั้งที่พวกเขาได้กระทำ และที่พวกเขาได้สั่งสอนนั้น
6:31 และพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงพากันมาอยู่ในถิ่นทุรกันดารแต่ลำพัง และพักผ่อนสักหน่อยหนึ่งเถิด” ด้วยว่ามีคนเป็นอันมากไปมา และพวกเขาไม่มีเวลาว่างแม้แต่จะรับประทานอาหารได้

ทรงเลี้ยงอาหารคนห้าพันคน (มธ 14:13-21; ลก 9:10-17; ยน 6:5-13)
6:32 และพระองค์กับพวกสาวกไปยังถิ่นทุรกันดารแต่ลำพัง โดยลงเรือส่วนตัว
6:33 และประชาชนได้เห็นพระองค์กับพวกสาวกกำลังจากไป และมีหลายคนรู้จักพระองค์ และวิ่งออกจากบรรดานครไปที่นั่น และมาถึงก่อนพระองค์กับพวกสาวก และพากันมาเฝ้าพระองค์
6:34 และพระเยซู เมื่อพระองค์เสด็จออกมา ก็ทอดพระเนตรเห็นประชาชนเป็นอันมาก และทรงมีพระทัยกรุณาต่อพวกเขา เพราะว่าพวกเขาเป็นเหมือนฝูงแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง และพระองค์จึงเริ่มสั่งสอนพวกเขาเป็นหลายข้อหลายประการ
6:35 และเมื่อวันนั้นล่วงไปมากแล้ว พวกสาวกของพระองค์ก็มาหาพระองค์ และทูลว่า “สถานที่แห่งนี้เป็นถิ่นทุรกันดาร และบัดนี้เวลาก็ล่วงไปมากแล้ว
6:36 ขอทรงส่งประชาชนไปเสียเถิด เพื่อพวกเขาจะได้เข้าไปในบ้านนอกรอบ ๆ และเข้าไปในหมู่บ้านต่าง ๆ และซื้ออาหารสำหรับตนเอง เพราะพวกเขาไม่มีอะไรที่จะรับประทานเลย”
6:37 พระองค์ทรงตอบและตรัสกับพวกสาวกว่า “พวกท่านจงเลี้ยงพวกเขาเถิด” และพวกสาวกจึงทูลพระองค์ว่า “จะให้พวกข้าพระองค์ไปและซื้ออาหารสักสองร้อยเหรียญเดนาริอัน และให้พวกเขารับประทานหรือ”
6:38 พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านมีขนมปังอยู่กี่ก้อน จงไปและดูซิ” และเมื่อพวกเขาทราบแล้ว พวกเขาจึงทูลว่า “มีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว”
6:39 และพระองค์ตรัสสั่งพวกสาวกให้จัดพวกเขาทุกคนให้นั่งบนหญ้าสดเป็นหมู่ ๆ
6:40 และประชาชนก็ได้นั่งลงเป็นหมู่ ๆ หมู่ละหนึ่งร้อยคนบ้าง และห้าสิบคนบ้าง
6:41 และเมื่อพระองค์ทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวนั้นแล้ว พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ดูฟ้าสวรรค์ และทรงขอบพระคุณ และหักขนมปังเหล่านั้น และส่งขนมปังเหล่านั้นให้พวกสาวกของพระองค์เพื่อให้พวกเขาแจกแก่คนทั้งปวง และปลาสองตัวนั้นพระองค์ทรงแบ่งในท่ามกลางพวกเขาทุกคน
6:42 และเขาทั้งหลายได้รับประทานทุกคนและอิ่ม
6:43 และพวกเขาเก็บเศษอาหารที่ยังเหลืออยู่นั้น และของเศษปลาเหล่านั้นได้สิบสองกระบุงเต็ม
6:44 และคนทั้งหลายที่ได้รับประทานขนมปังเหล่านั้น มีผู้ชายประมาณห้าพันคน

พระเยซูดำเนินบนทะเล (มธ 14:22-32; ยน 6:15-21)
6:45 และในทันใดนั้นพระองค์ทรงบังคับพวกสาวกของพระองค์ให้เข้าไปในเรือลำนั้น และข้ามฟากไปยังเมืองเบธไซดาก่อน ขณะที่พระองค์ทรงส่งประชาชนให้กลับไป
6:46 และเมื่อพระองค์ทรงส่งเขาทั้งหลายให้กลับไปแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาลูกหนึ่งเพื่อจะอธิษฐาน
6:47 และเมื่อมาถึงเวลาเย็นแล้ว เรือลำนั้นก็อยู่กลางทะเล และพระองค์ยังทรงอยู่บนบกแต่ผู้เดียว
6:48 และพระองค์ทอดพระเนตรเห็นพวกสาวกตีกรรเชียงลำบาก เพราะลมนั้นพัดต้านพวกเขา และประมาณช่วงเวลายามที่สี่ในเวลากลางคืน พระองค์เสด็จมายังพวกเขา โดยดำเนินบนทะเล และเกือบจะเลยพวกเขาไป
6:49 แต่เมื่อพวกเขาเห็นพระองค์ดำเนินมาบนทะเล พวกเขาคิดเอาเองว่าเป็นผี และร้องออกมา
6:50 เพราะว่าพวกเขาทุกคนเห็นพระองค์ และหวาดหวั่น และในทันใดนั้นพระองค์ทรงสนทนากับพวกเขา และตรัสกับพวกเขาว่า “จงชื่นใจเถิด คือเราเอง อย่ากลัวเลย”
6:51 และพระองค์จึงเสด็จขึ้นไปหาพวกเขาในเรือ และลมก็สงบลง และพวกเขาก็ประหลาดใจในตนเองเหลือประมาณ และรู้สึกพิศวง
6:52 ด้วยว่าพวกเขาไม่ได้พิจารณาเรื่องการอัศจรรย์แห่งขนมปังเหล่านั้น เพราะใจของพวกเขายังแข็งกระด้างอยู่

พระเยซูทรงรักษาประชากรให้หายที่แผ่นดินเยนเนซาเรท (มธ 14:34-36)
6:53 และเมื่อพระองค์กับพวกสาวกข้ามฟากไปแล้ว พวกเขาก็มาถึงแผ่นดินเยนเนซาเรท และเข้าฝั่ง
6:54 และเมื่อพระองค์กับพวกสาวกออกมาจากเรือแล้ว ในทันใดนั้นคนทั้งปวงก็รู้จักพระองค์
6:55 และวิ่งไปทั่วตลอดแว่นแคว้นล้อมรอบ และเริ่มหามคนทั้งหลายที่เจ็บป่วยมาในแคร่ ในที่ซึ่งพวกเขาได้ยินว่าพระองค์อยู่นั้น
6:56 และที่ไหนก็ตามที่พระองค์เสด็จเข้าไป ในบรรดาหมู่บ้าน ในนครทั้งหลาย หรือในบ้านนอก พวกเขาก็เอาบรรดาคนเจ็บป่วยมาวางตามถนน และทูลอ้อนวอนขอพระองค์โปรดให้คนเจ็บป่วยเหล่านั้นแตะต้องแต่ชายเสื้อผ้าของพระองค์ และทุกคนที่ได้แตะต้องพระองค์แล้วก็หายเป็นปกติ

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope