กลับหน้าแรกพระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์

 

ผู้วินิจฉัย 1

[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11] [12] [13] [14] [15] [16] [17] [18] [19] [20] [21]

คนยูดาห์กับคนสิเมโอนชนะกษัตริย์อาโดนีเบเซกและคนคานาอัน
1:1 บัดนี้ หลังจากการสิ้นชีวิตของโยชูวา ต่อมาลูกหลานของอิสราเอลทูลถามพระเยโฮวาห์ โดยทูลว่า “ใครจะขึ้นไปก่อนสำหรับพวกข้าพระองค์เพื่อต่อสู้กับคนคานาอัน เพื่อต่อสู้กับพวกเขา”
1:2 และพระเยโฮวาห์ตรัสว่า “ยูดาห์จะขึ้นไป ดูเถิด เราได้มอบแผ่นดินนั้นไว้ในมือของเขาแล้ว”
1:3 และยูดาห์กล่าวแก่สิเมโอนพี่ของตนว่า “จงขึ้นมากับข้าพเจ้าในส่วนแบ่งของข้าพเจ้า เพื่อพวกเราจะได้ต่อสู้กับคนคานาอัน และข้าพเจ้าจะไปพร้อมกับท่านเช่นกันในส่วนแบ่งของท่าน” ดังนั้นสิเมโอนจึงไปกับเขา
1:4 และยูดาห์ก็ขึ้นไป และพระเยโฮวาห์ทรงมอบคนคานาอันและคนเปริสซีไว้ในมือของพวกเขา และพวกเขาได้ประหารคนของคนเหล่านั้นในเมืองเบเซกหนึ่งหมื่นคน
1:5 และพวกเขาได้พบอาโดนีเบเซกในเมืองเบเซก และพวกเขาต่อสู้กับท่าน และพวกเขาสังหารคนคานาอันและคนเปริสซี
1:6 แต่อาโดนีเบเซกหนีไป และพวกเขาไล่ตามท่าน และจับท่านได้ และตัดนิ้วหัวแม่มือของท่านและนิ้วหัวแม่เท้าของท่านออกเสีย
1:7 และอาโดนีเบเซกกล่าวว่า “กษัตริย์เจ็ดสิบองค์ ซึ่งหัวแม่มือของตนและหัวแม่เท้าของตนถูกตัดออก ได้รวบรวมอาหารของตนอยู่ใต้โต๊ะของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้กระทำอย่างไร พระเจ้าก็ทรงตอบแทนข้าพเจ้าอย่างนั้น” และพวกเขานำตัวท่านมายังเยรูซาเล็ม และท่านก็สิ้นชีวิตที่นั่น
1:8 บัดนี้คนยูดาห์ได้ต่อสู้กับเยรูซาเล็มและยึดนครนั้นได้ และฟาดฟันนครนั้นด้วยคมดาบ และเอาไฟเผานครเสีย
1:9 และภายหลังคนยูดาห์ลงไปเพื่อต่อสู้กับคนคานาอัน ผู้อาศัยอยู่ในแดนเทือกเขา และในภาคใต้ และในหุบเขา
1:10 และยูดาห์ไปต่อสู้กับคนคานาอัน ผู้อาศัยอยู่ในเฮโบรน (บัดนี้ชื่อของเมืองเฮโบรนแต่ก่อนคือคีริยาทอารบา) และพวกเขาได้ประหารเชชัย และอาหิมาน และทัลมัย
1:11 และจากที่นั่นเขาไปต่อสู้กับชาวเมืองเดบีร์ และชื่อของเมืองเดบีร์แต่ก่อนคือคีริยาทเสเฟอร์
1:12 และคาเลบกล่าวว่า “ผู้ใดที่โจมตีเมืองคีริยาทเสเฟอร์และยึดเมืองนั้นได้ ข้าพเจ้าจะยกอัคสาห์บุตรสาวของข้าพเจ้าให้เป็นภรรยาแก่ผู้นั้น”
1:13 และโอทนีเอลบุตรชายของเคนัส ผู้เป็นน้องชายของคาเลบ ยึดเมืองนั้นได้ และท่านยกอัคสาห์บุตรสาวของตนให้เป็นภรรยาแก่เขา
1:14 และต่อมาเมื่อนางมาถึงเขาแล้ว นางได้ชวนเขาให้ขอทุ่งนาจากบิดาของนาง และนางก็ลงจากหลังลาของนาง และคาเลบพูดกับนางว่า “เจ้าต้องการสิ่งใด”
1:15 และนางตอบท่านว่า “ขออวยพรลูกสักอย่างหนึ่งเถิด ด้วยว่าพ่อได้ยกแผ่นดินภาคใต้ให้ลูกแล้ว ขอยกน้ำพุต่าง ๆ ให้ลูกด้วย” และคาเลบก็ยกน้ำพุบนเหล่านั้นให้แก่นางและน้ำพุล่างเหล่านั้น
1:16 และลูกหลานของคนเคไนต์ พ่อตาของโมเสส ได้ขึ้นไปจากนครแห่งต้นอินทผลัม พร้อมกับคนยูดาห์เข้ามาในถิ่นทุรกันดารแห่งยูดาห์ ซึ่งอยู่ในภาคใต้ของอาราด และพวกเขาไปและอาศัยอยู่ท่ามกลางประชากรเหล่านั้น
1:17 และยูดาห์ไปกับสิเมโอนพี่ของเขา และพวกเขาได้ประหารคนคานาอันที่อาศัยอยู่ในเศฟัท และทำลายนครนั้นเสียอย่างสิ้นเชิง และชื่อของนครนั้นถูกเรียกว่าโฮรมาห์
1:18 ยูดาห์ได้ยึดเมืองกาซาพร้อมกับเขตแดนของเมืองนั้นด้วย และเมืองอัชเคโลนพร้อมกับเขตแดนของเมืองนั้น และเมืองเอโครนพร้อมกับเขตแดนของเมืองนั้น
1:19 และพระเยโฮวาห์ทรงสถิตอยู่กับยูดาห์ และเขาได้ขับไล่ชาวแดนเทือกเขาให้ออกไป แต่ไม่สามารถขับไล่ชาวหุบเขานั้นออกไปได้ เพราะคนเหล่านั้นมีรถม้าศึกที่ทำด้วยเหล็ก
1:20 และพวกเขาได้ยกเมืองเฮโบรนให้แก่คาเลบ ตามที่โมเสสได้กล่าวไว้ และท่านจึงขับไล่บุตรชายทั้งสามคนของอานาคให้ออกไปเสีย

คนเบนยามินมิได้ขับไล่คนเยบุสออกจากเยรูซาเล็ม
1:21 และคนเบนยามินไม่ได้ขับไล่คนเยบุสผู้อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มให้ออกไป แต่คนเยบุสอาศัยอยู่กับคนเบนยามินในเยรูซาเล็มจนถึงทุกวันนี้
1:22 และวงศ์วานของโยเซฟนั้น พวกเขาได้ขึ้นไปต่อสู้กับเมืองเบธเอลด้วย และพระเยโฮวาห์ทรงสถิตอยู่กับพวกเขา
1:23 และวงศ์วานของโยเซฟส่งไปเพื่อสอดแนมเบธเอล (บัดนี้ชื่อของนครนี้แต่ก่อนคือลูส)
1:24 และเหล่าผู้สอดแนมเห็นชายคนหนึ่งออกมาจากนครนั้น และพวกเขากล่าวแก่เขาว่า “ขอแสดงแก่พวกเรา พวกเราขอร้องท่าน ทางเข้านครนี้ และพวกเราจะแสดงความเมตตาต่อท่าน”
1:25 และเมื่อชายคนนั้นได้แสดงทางเข้านครให้แก่พวกเขาแล้ว พวกเขาก็ฟาดฟันนครนั้นด้วยคมดาบ แต่พวกเขาได้ปล่อยให้ชายคนนั้นและครอบครัวทั้งสิ้นของเขารอดไป
1:26 และชายคนนั้นเข้าไปในแผ่นดินของคนฮิตไทต์ และสร้างนครขึ้นนครหนึ่ง และเรียกชื่อของนครนั้นว่าลูส ซึ่งเป็นชื่อของนครนั้นอยู่จนทุกวันนี้

คนมนัสเสห์กับเผ่าอื่น ๆ มีชัยชนะเหนือเมืองต่าง ๆ บางส่วน
1:27 และมนัสเสห์ไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองเบธชานพร้อมกับบรรดาเมืองของนครนั้นให้ออกไป หรือชาวเมืองทาอานาคพร้อมกับบรรดาเมืองของนครนั้น หรือชาวเมืองโดร์พร้อมกับบรรดาเมืองของนครนั้น หรือชาวเมืองอิบเลอัมพร้อมกับบรรดาเมืองของนครนั้น หรือชาวเมืองเมกิดโดพร้อมกับบรรดาเมืองของนครนั้น แต่คนคานาอันยังอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น
1:28 และต่อมาเมื่อคนอิสราเอลเข้มแข็งแล้ว พวกเขาได้เกณฑ์คนคานาอันให้ทำงานโยธา แต่ไม่ได้ขับไล่พวกเขาให้ออกไปเสียอย่างสิ้นเชิง
1:29 และเอฟราอิมไม่ได้ขับไล่คนคานาอันผู้อาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ให้ออกไป แต่คนคานาอันยังอาศัยอยู่ในเมืองเกเซอร์ท่ามกลางพวกเขา
1:30 และเศบูลุนไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองคิทโรนหรือชาวเมืองนาหะโลลให้ออกไป แต่คนคานาอันยังอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา และกลายเป็นคนถูกเกณฑ์ให้ทำงานโยธา
1:31 และอาเชอร์ไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองอัคโคให้ออกไป หรือชาวเมืองไซดอน หรือชาวเมืองอัคลาบ หรือชาวเมืองอัคซีบ หรือชาวเมืองเฮลบาห์ หรือชาวเมืองอาฟิก หรือชาวเมืองเรโหบ
1:32 แต่คนอาเชอร์ยังอาศัยอยู่ท่ามกลางคนคานาอันชาวแผ่นดินนั้น เพราะว่าพวกเขาไม่ได้ขับไล่คนเหล่านั้นให้ออกไปเสีย
1:33 และนัฟทาลีไม่ได้ขับไล่ชาวเมืองเบธเชเมชหรือชาวเมืองเบธานาทให้ออกไป แต่เขาอาศัยอยู่ท่ามกลางคนคานาอันชาวแผ่นดินนั้น แต่อย่างไรก็ตามชาวเมืองเบธเชเมชและชาวเมืองเบธานาทกลายเป็นคนถูกเกณฑ์ให้ทำงานโยธาสำหรับพวกเขา
1:34 และคนอาโมไรต์ได้ผลักดันคนดานให้เข้าไปในภูเขา ด้วยว่าคนเหล่านั้นไม่ยอมให้พวกเขาลงมายังหุบเขา
1:35 แต่คนอาโมไรต์ยังอาศัยอยู่ในภูเขาเฮเรสในเมืองอัยยาโลนและในเมืองชาอัลบิม ถึงอย่างนั้นมือของวงศ์วานของโยเซฟก็มีชัยชนะ จนคนเหล่านั้นกลายเป็นคนถูกเกณฑ์ให้ทำงานโยธา
1:36 และอาณาเขตของคนอาโมไรต์เริ่มต้นตั้งแต่ทางขึ้นไปยังเขาอัครับบิม ตั้งแต่ศิลานั้นและเรื่อยขึ้นไป

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับคิงเจมส์ / Thai Bible King James Version

© 2006 Philip Pope