ศัพท์สัมพันธ์
พระคริสตธรรมคัมภีร์
ภาษาไทยฉบับคิง เจมส์

Thai KJV Bible Concordance


กลับหน้าแรก / Main Menu

 

ฆ้อง ( 1 )
1คร 13.1 แม้ข้าพเจ้าพูดภาษาของมนุษย์ก็ดี และภาษาของทูตสวรรค์ก็ดี แต่ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าเป็นเหมือนฆ้องหรือฉาบที่กำลังส่งเสียง

ฆ่า ( 569 )
ปฐก 4.8; ปฐก 4.14; ปฐก 4.15; ปฐก 4.23; ปฐก 4.24; ปฐก 4.25; ปฐก 12.12; ปฐก 18.25; ปฐก 20.11; ปฐก 22.10; ปฐก 26.7; ปฐก 27.41; ปฐก 27.42; ปฐก 34.25; ปฐก 34.26; ปฐก 34.30; ปฐก 37.18; ปฐก 37.20; ปฐก 37.21; ปฐก 37.26; ปฐก 37.31; ปฐก 42.37; ปฐก 43.16; ปฐก 49.6; อพย 1.16; อพย 2.12; อพย 2.14; อพย 12.6; อพย 12.21; อพย 19.13; อพย 20.13; อพย 21.13; อพย 21.14; อพย 22.1; อพย 29.11; อพย 29.16; อพย 29.20; อพย 32.27; ลนต 1.5; ลนต 1.11; ลนต 3.2; ลนต 3.8; ลนต 3.13; ลนต 4.4; ลนต 4.15; ลนต 4.24; ลนต 4.29; ลนต 4.33; ลนต 6.25; ลนต 7.2; ลนต 8.15; ลนต 8.19; ลนต 8.23; ลนต 9.8; ลนต 9.12; ลนต 9.15; ลนต 9.18; ลนต 14.5; ลนต 14.6; ลนต 14.13; ลนต 14.19; ลนต 14.25; ลนต 14.50; ลนต 14.51; ลนต 16.11; ลนต 16.15; ลนต 17.3; ลนต 17.5; ลนต 20.4; ลนต 20.15; ลนต 20.16; ลนต 22.28; ลนต 24.17; ลนต 24.18; ลนต 24.21; ลนต 27.29; กดว 11.22; กดว 16.13; กดว 19.3; กดว 19.18; กดว 21.35; กดว 22.29; กดว 22.33; กดว 23.24; กดว 25.5; กดว 25.14; กดว 25.15; กดว 25.18; กดว 31.7; กดว 31.8; กดว 31.19; กดว 35.11; กดว 35.15; กดว 35.17; กดว 35.18; กดว 35.23; กดว 35.27; กดว 35.30; พบญ 1.4; พบญ 1.44; พบญ 3.3; พบญ 4.42; พบญ 5.17; พบญ 9.28; พบญ 12.15; พบญ 12.21; พบญ 13.15; พบญ 17.8; พบญ 19.3; พบญ 19.4; พบญ 19.6; พบญ 20.13; พบญ 21.1; พบญ 21.6; พบญ 22.26; พบญ 27.24; พบญ 27.25; พบญ 28.31; พบญ 32.39; พบญ 32.42; ยชว 9.18; ยชว 10.10; ยชว 10.11; ยชว 10.20; ยชว 13.22; ยชว 20.3; ยชว 20.5; ยชว 20.9; วนฉ 3.31; วนฉ 6.26; วนฉ 7.25; วนฉ 8.18; วนฉ 8.20; วนฉ 8.21; วนฉ 9.5; วนฉ 9.18; วนฉ 9.24; วนฉ 9.54; วนฉ 9.56; วนฉ 12.6; วนฉ 13.23; วนฉ 14.19; วนฉ 15.13; วนฉ 15.15; วนฉ 15.16; วนฉ 16.2; วนฉ 16.24; วนฉ 16.30; วนฉ 20.4; วนฉ 20.5; วนฉ 20.39; วนฉ 20.45; วนฉ 21.10; วนฉ 21.11; 1ซมอ 1.25; 1ซมอ 4.2; 1ซมอ 4.11; 1ซมอ 5.10; 1ซมอ 5.11; 1ซมอ 11.12; 1ซมอ 14.13; 1ซมอ 14.32; 1ซมอ 14.34; 1ซมอ 15.3; 1ซมอ 16.2; 1ซมอ 17.9; 1ซมอ 17.25; 1ซมอ 17.26; 1ซมอ 17.27; 1ซมอ 17.35; 1ซมอ 17.36; 1ซมอ 17.50; 1ซมอ 17.51; 1ซมอ 18.7; 1ซมอ 18.8; 1ซมอ 18.27; 1ซมอ 19.1; 1ซมอ 19.2; 1ซมอ 19.11; 1ซมอ 19.15; 1ซมอ 19.17; 1ซมอ 20.8; 1ซมอ 20.33; 1ซมอ 21.9; 1ซมอ 21.11; 1ซมอ 22.18; 1ซมอ 22.19; 1ซมอ 25.11; 1ซมอ 26.10; 1ซมอ 28.24; 1ซมอ 29.5; 1ซมอ 30.2; 1ซมอ 30.15; 1ซมอ 31.2; 1ซมอ 31.8; 2ซมอ 1.9; 2ซมอ 1.15; 2ซมอ 1.16; 2ซมอ 1.22; 2ซมอ 2.31; 2ซมอ 3.30; 2ซมอ 3.37; 2ซมอ 4.10; 2ซมอ 4.11; 2ซมอ 4.12; 2ซมอ 11.21; 2ซมอ 12.9; 2ซมอ 13.28; 2ซมอ 14.7; 2ซมอ 21.1; 2ซมอ 21.9; 2ซมอ 21.17; 2ซมอ 21.18; 2ซมอ 21.19; 2ซมอ 23.8; 2ซมอ 23.18; 2ซมอ 23.20; 2ซมอ 23.21; 1พกษ 2.5; 1พกษ 2.32; 1พกษ 3.26; 1พกษ 3.27; 1พกษ 9.16; 1พกษ 11.15; 1พกษ 11.16; 1พกษ 12.27; 1พกษ 13.2; 1พกษ 13.24; 1พกษ 13.26; 1พกษ 16.7; 1พกษ 18.40; 1พกษ 19.1; 1พกษ 19.17; 1พกษ 19.21; 1พกษ 20.20; 1พกษ 20.29; 1พกษ 21.19; 2พกษ 3.23; 2พกษ 6.21; 2พกษ 7.4; 2พกษ 9.31; 2พกษ 10.7; 2พกษ 10.9; 2พกษ 10.25; 2พกษ 14.5; 2พกษ 17.25; 2พกษ 17.26; 2พกษ 25.25; 1พศด 7.21; 1พศด 10.2; 1พศด 10.8; 1พศด 11.11; 1พศด 11.14; 1พศด 11.20; 1พศด 11.22; 1พศด 11.23; 1พศด 19.18; 1พศด 20.5; 2พศด 13.17; 2พศด 18.2; 2พศด 21.13; 2พศด 22.1; 2พศด 25.3; 2พศด 25.13; 2พศด 28.6; 2พศด 29.22; 2พศด 29.24; 2พศด 30.15; 2พศด 30.17; 2พศด 32.21; 2พศด 33.24; 2พศด 35.1; 2พศด 35.6; 2พศด 35.11; 2พศด 36.17; อสร 6.20; นหม 4.11; นหม 6.10; นหม 9.26; อสธ 9.11; โยบ 1.15; โยบ 1.17; โยบ 5.2; โยบ 20.16; โยบ 24.14; โยบ 39.30; สดด 44.22; สดด 88.5; สดด 89.10; สดด 106.37; สดด 106.38; สดด 109.13; สดด 109.16; สภษ 1.32; สภษ 7.26; สภษ 9.2; สภษ 21.25; สภษ 22.13; สภษ 24.11; ปญจ 3.3; อสย 10.4; อสย 14.30; อสย 22.2; อสย 22.13; อสย 26.21; อสย 27.7; อสย 34.3; อสย 53.7; อสย 57.5; อสย 66.3; ยรม 9.1; ยรม 11.19; ยรม 12.3; ยรม 14.18; ยรม 18.23; ยรม 20.4; ยรม 20.17; ยรม 26.19; ยรม 29.21; ยรม 38.25; ยรม 39.6; ยรม 40.15; ยรม 41.2; ยรม 41.3; ยรม 41.4; ยรม 41.7; ยรม 41.8; ยรม 41.9; ยรม 41.16; ยรม 41.18; ยรม 43.3; ยรม 50.21; ยรม 50.27; ยรม 51.4; ยรม 51.47; ยรม 51.49; อสค 6.4; อสค 6.7; อสค 6.13; อสค 9.2; อสค 9.6; อสค 9.7; อสค 11.6; อสค 11.7; อสค 16.21; อสค 21.14; อสค 21.29; อสค 23.10; อสค 23.39; อสค 23.47; อสค 26.6; อสค 26.8; อสค 26.11; อสค 28.8; อสค 28.9; อสค 30.4; อสค 30.11; อสค 31.17; อสค 31.18; อสค 32.20; อสค 32.21; อสค 32.22; อสค 32.23; อสค 32.24; อสค 32.25; อสค 32.26; อสค 32.28; อสค 32.29; อสค 32.30; อสค 32.31; อสค 32.32; อสค 34.3; อสค 35.8; อสค 37.9; อสค 40.39; อสค 40.41; อสค 40.42; อสค 44.11; ดนล 2.12; ดนล 2.13; ดนล 2.14; ดนล 2.24; ดนล 3.22; ดนล 7.11; ฮชย 9.16; อมส 9.4; นฮม 3.3; ฮบก 1.17; ศฟย 1.8; ศคย 11.4; ศคย 11.5; ศคย 11.7; มธ 2.16; มธ 5.21; มธ 10.28; มธ 12.14; มธ 14.5; มธ 21.35; มธ 21.38; มธ 21.39; มธ 22.4; มธ 22.6; มธ 23.31; มธ 23.34; มธ 23.35; มธ 23.37; มธ 24.9; มธ 26.4; มก 3.6; มก 6.19; มก 9.22; มก 10.19; มก 10.34; มก 12.5; มก 12.7; มก 12.8; มก 12.9; มก 14.1; มก 14.12; ลก 11.47; ลก 11.48; ลก 11.49; ลก 11.51; ลก 12.4; ลก 12.5; ลก 13.33; ลก 13.34; ลก 15.23; ลก 15.27; ลก 15.30; ลก 18.20; ลก 18.33; ลก 19.27; ลก 20.14; ลก 20.15; ลก 20.16; ลก 21.16; ลก 22.2; ลก 22.7; ยน 5.16; ยน 5.18; ยน 7.1; ยน 7.19; ยน 7.20; ยน 7.25; ยน 8.37; ยน 8.40; ยน 10.10; ยน 11.53; ยน 12.10; กจ 3.15; กจ 5.30; กจ 5.33; กจ 5.36; กจ 7.24; กจ 7.28; กจ 7.42; กจ 7.52; กจ 8.1; กจ 8.32; กจ 9.1; กจ 9.23; กจ 9.24; กจ 9.29; กจ 10.13; กจ 10.39; กจ 11.7; กจ 12.2; กจ 12.19; กจ 16.27; กจ 21.31; กจ 21.36; กจ 22.20; กจ 23.12; กจ 23.14; กจ 23.15; กจ 23.21; กจ 23.27; กจ 25.3; กจ 26.21; กจ 27.42; รม 8.36; รม 11.3; รม 13.9; 1คร 5.7; ฮบ 11.37; ยก 2.11; ยก 4.2; ยก 5.6; 2ปต 2.12; 1ยน 3.12; วว 2.13; วว 6.9; วว 6.11; วว 9.5; วว 9.15; วว 9.18; วว 9.20; วว 11.7; วว 13.10; วว 18.24; วว 19.21

ฆาตกร ( 27 )
กดว 35.16 ถ้าผู้ใดตีเขาด้วยเครื่องมือเหล็กจนคนนั้นถึงตาย ผู้นั้นเป็นฆาตกร ให้ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสียเป็นแน่
กดว 35.17 ผู้ใดทุบเขาให้ล้มลงด้วยก้อนหินในมือขนาดฆ่าคนได้ และเขาถึงตาย ผู้นั้นเป็นฆาตกร ให้ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสียเป็นแน่
กดว 35.18 หรือผู้ใดใช้อาวุธไม้ที่อยู่ในมือขนาดฆ่าคนได้ตีเขาล้มลงและคนนั้นถึงตาย ผู้นั้นเป็นฆาตกร ให้ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสียเป็นแน่
กดว 35.19 ให้ผู้อาฆาตโลหิตเองเป็นผู้ประหารชีวิตฆาตกรนั้น ถ้าผู้อาฆาตพบเขาเมื่อใดก็ให้ประหารชีวิตเสีย
กดว 35.21 หรือเพราะเป็นศัตรูกันชกเขาล้มลง จนเขาตาย ให้ประหารชีวิตผู้ที่ชกเขานั้นเสียเป็นแน่ ด้วยว่าเขาเป็นฆาตกร เมื่อผู้อาฆาตโลหิตพบเขาเมื่อใด ก็ให้ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสีย
กดว 35.30 ผู้ใดฆ่าเขาตาย ให้ประหารชีวิตฆาตกรนั้นเสียตามปากของพยาน แต่อย่าประหารชีวิตผู้ใดด้วยมีพยานปากเดียว
กดว 35.31 ยิ่งกว่านั้นอีก เจ้าอย่ารับค่าไถ่ชีวิตของฆาตกรผู้มีความผิดถึงตายนั้น แต่เขาต้องตายแน่
2พกษ 6.32 แต่เอลีชานั่งอยู่ในบ้านของท่าน และพวกผู้ใหญ่ก็นั่งอยู่ด้วย กษัตริย์ทรงใช้คนมาจากต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์ แต่ก่อนที่ผู้สื่อสารจะมาถึง เอลีชาก็พูดกับพวกผู้ใหญ่ว่า “ท่านทั้งหลายเห็นหรือไม่เล่า ที่บุตรชายของฆาตกรคนนี้ใช้คนมาเอาศีรษะของข้าพเจ้า ดูเถิด เมื่อผู้สื่อสารมา จงปิดประตู และยึดประตูให้แน่นกันเขาไว้ เสียงเท้าของนายของเขาตามเขามามิใช่หรือ”
2พกษ 14.6 แต่พระองค์มิได้ทรงประหารชีวิตลูกหลานของเหล่าฆาตกรนั้น ตามซึ่งได้บันทึกไว้ในหนังสือพระราชบัญญัติของโมเสส ที่พระเยโฮวาห์ทรงบัญชาว่า “อย่าให้บิดาต้องรับโทษถึงตายแทนบุตรของตน หรือให้บุตรต้องรับโทษถึงตายแทนบิดาของตน ให้ทุกคนรับโทษถึงตายเนื่องด้วยบาปของคนนั้นเอง”
โยบ 24.14 ฆาตกรลุกขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เขาฆ่าคนยากจนและคนขัดสน และในกลางคืนเขาเป็นเหมือนขโมย
อสย 1.21 เมืองที่สัตย์ซื่อกลายเป็นแพศยาเสียแล้วหนอ คือเธอที่เคยเปี่ยมด้วยความยุติธรรม ความชอบธรรมเคยพำนักอยู่ในเธอ แต่เดี๋ยวนี้พวกฆาตกรพำนักอยู่
ยรม 4.31 เพราะเราได้ยินเสียงเหมือนเสียงหญิงคลอดบุตรร้องแสนเจ็บปวดอย่างกับจะคลอดบุตรหัวปี เสียงร้องแห่งบุตรสาวศิโยนนั้น แทบจะขาดใจ เหยียดมือของเธอออกร้องว่า ‘วิบัติแก่ข้าในบัดนี้ จิตใจข้าอ่อนเปลี้ยอยู่เพราะเหตุพวกฆาตกร’”
ฮชย 9.13 เอฟราอิมนั้น ดังที่เราเห็นเมืองไทระ ก็ปลูกไว้ในสถานที่ถูกใจ แต่เอฟราอิมต้องนำลูกหลานของตนไปมอบให้ฆาตกร
มธ 22.7 แต่ครั้นกษัตริย์องค์นั้นได้ยินแล้ว ท่านก็ทรงพระพิโรธ จึงรับสั่งให้ยกกองทหารไป ปราบปรามฆาตกรเหล่านั้น และเผาเมืองเขาเสีย
ยน 8.44 ท่านทั้งหลายมาจากพ่อของท่านคือพญามาร และท่านใคร่จะทำตามความปรารถนาของพ่อท่าน มันเป็นฆาตกรตั้งแต่เดิมมา และมิได้ตั้งอยู่ในความจริง เพราะความจริงมิได้อยู่ในมัน เมื่อมันพูดมุสามันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสา และเป็นพ่อของการมุสา
กจ 3.14 แต่ท่านทั้งหลายได้ปฏิเสธพระองค์ซึ่งเป็นองค์บริสุทธิ์และชอบธรรม และได้ขอให้เขาปล่อยฆาตกรให้ท่านทั้งหลาย
กจ 21.38 เจ้าเป็นชาวอียิปต์ซึ่งได้ก่อการกบฏแต่ก่อน และพาพวกฆาตกรสี่พันคนเข้าไปในถิ่นทุรกันดารมิใช่หรือ”
กจ 28.4 เมื่อพวกชาวป่านั้นเห็นงูติดห้อยอยู่ที่มือของเปาโล จึงพูดกันว่า “คนนี้คงเป็นฆาตกรแน่นอน ถึงแม้ว่ารอดพ้นจากทะเลแล้ว พระผู้ทรงธรรมก็ยังไม่ยอมให้รอดตายไปได้”
1ปต 4.15 แต่ว่าอย่าให้มีผู้ใดในพวกท่านได้รับโทษฐานเป็นฆาตกร หรือเป็นขโมย หรือเป็นคนทำร้าย หรือเป็นคนที่เที่ยวยุ่งกับธุระของคนอื่น
1ยน 3.15 ผู้ใดเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็เป็นฆาตกร และท่านทั้งหลายก็รู้แล้วว่า ไม่มีฆาตกรคนใดที่มีชีวิตนิรันดร์ดำรงอยู่ในเขาเลย
วว 21.8 แต่คนขลาด คนไม่เชื่อ คนที่น่าสะอิดสะเอียน ฆาตกร คนล่วงประเวณี คนใช้เวทมนตร์ คนไหว้รูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดมุสานั้น จะได้รับส่วนของตนในบึงที่เผาไหม้ด้วยไฟและกำมะถัน นั่นคือความตายครั้งที่สอง”
วว 22.15 ด้วยว่าภายนอกนั้นมีสุนัข คนใช้เวทมนตร์ คนล่วงประเวณี ฆาตกร คนไหว้รูปเคารพ คนใดที่รักและกระทำการมุสา

ฆาตกรรม ( 4 )
สดด 10.8 เขานั่งซุ่มคอยดักทำร้ายอยู่ตามชนบท และกระทำฆาตกรรมคนไร้ผิดเสียในที่เร้นลับ ตาของเขาสอดหาคนยากจน
สดด 94.6 เขาสังหารแม่ม่ายและคนต่างด้าว และกระทำฆาตกรรมลูกกำพร้าพ่อ
ยรม 7.9 เจ้าจะลักทรัพย์ กระทำฆาตกรรม ล่วงประเวณี ปฏิญาณเท็จ เผาเครื่องบูชาถวายพระบาอัลและติดตามพระอื่นซึ่งเจ้าทั้งหลายมิได้รู้จักไปหรือ
ฮชย 6.9 อย่างกองโจรซุ่มคอยดักคนฉันใด พวกปุโรหิตก็ซุ่มคอยฉันนั้น เขายินยอมกระทำฆาตกรรมตามทาง เขาทำการลามก

ฆ่าตัวตาย ( 1 )
ยน 8.22 พวกยิวจึงพูดกันว่า “เขาจะฆ่าตัวตายหรือ เพราะเขาพูดว่า ‘ที่ซึ่งเราจะไปนั้นท่านทั้งหลายจะไปไม่ได้’”

ฆ่าฟัน ( 29 )
ยชว 7.5 ฝ่ายชาวเมืองอัยก็ฆ่าฟันคนเหล่านั้นตายประมาณสามสิบหกคน โดยขับไล่คนเหล่านั้นจากตรงหน้าประตูเมืองไปยังเชบาริมฟันเขาตามทางลง และจิตใจของประชาชนก็ละลายไปอย่างน้ำ
ยชว 8.24 ต่อมาเมื่ออิสราเอลไล่ฆ่าฟันชาวเมืองอัยทั้งหมดในทุ่งในถิ่นทุรกันดารที่เขาไล่ตามไปนั้น และคนเหล่านั้นล้มตายหมดด้วยคมดาบจนคนสุดท้าย บรรดาคนอิสราเอลก็กลับเข้าเมืองอัยโจมตีคนในเมืองด้วยคมดาบ
ยชว 10.35 และเขาก็ตีได้ในวันนั้นเองและฆ่าฟันทุกคนเสียด้วยคมดาบ จนทำลายเขาเสียสิ้นในวันนั้น ดังที่ท่านได้กระทำแก่เมืองลาคีช
วนฉ 1.8 และคนยูดาห์ได้เข้าโจมตีเมืองเยรูซาเล็มและยึดเมืองได้ จึงฆ่าฟันชาวเมืองเสียด้วยคมดาบ และเอาไฟเผาเมืองเสีย
วนฉ 7.22 เมื่อเขาเป่าแตรทั้งสามร้อยอันนั้น พระเยโฮวาห์ทรงบันดาลให้เขาฆ่าฟันกันทั่วทุกกอง กองทัพก็แตกตื่นหนีไปถึงตำบลเบธชิทธาห์ทางไปเมืองเศเรราห์ไกลไปจนถึงเขตเมืองอาเบลเมโฮลาห์ที่ตำบลทับบาท
วนฉ 9.45 อาบีเมเลคโจมตีเมืองนั้นตลอดวันยังค่ำ ยึดเมืองนั้นได้ และฆ่าฟันประชาชนที่อยู่ในเมืองนั้นเสีย ทั้งทำลายเมืองนั้นเสียด้วย แล้วก็หว่านเกลือลงไป
วนฉ 20.21 ในวันนั้นคนเบนยามินออกมาจากเมืองกิเบอาห์ ฆ่าฟันคนอิสราเอล ล้มตายสองหมื่นสองพันคน
วนฉ 20.25 และในวันที่สองนั้นเบนยามินก็ยกออกไปจากกิเบอาห์ ฆ่าฟันคนอิสราเอลล้มตายอีกหนึ่งหมื่นแปดพันคน ทุกคนเป็นทหารถือดาบ
วนฉ 20.31 คนเบนยามินก็ยกออกมาสู้รบกับประชาชน ถูกลวงให้ห่างออกไปจากตัวเมือง เขาก็เริ่มฆ่าฟันประชาชนอย่างคราวก่อน คือตามถนนซึ่งสายหนึ่งไปยังพระนิเวศของพระเจ้า อีกสายหนึ่งไปกิเบอาห์ และที่กลางทุ่งแจ้ง อิสราเอลล้มตายประมาณสามสิบคน
1ซมอ 4.8 วิบัติแก่เราทั้งหลาย ใครจะช่วยเราให้พ้นจากพระหัตถ์ของบรรดาพระอันทรงฤทธานุภาพนี้ได้ พระเหล่านี้เป็นผู้ที่ฆ่าฟันชาวอียิปต์ด้วยภัยพิบัตินานาชนิดในถิ่นทุรกันดาร
1ซมอ 7.11 คนอิสราเอลก็ออกจากมิสปาห์ติดตามคนฟีลิสเตียและฆ่าฟันเขา จนไปถึงเมืองเบธคาร์
1ซมอ 11.11 พอวันรุ่งขึ้นซาอูลก็จัดพลออกเป็นสามกองทัพ ยกเข้ามากลางค่ายในยามสาม และฆ่าฟันคนอัมโมนเสียจนเวลาแดดจัด ต่อมา ผู้ที่เหลืออยู่ก็กระจัดกระจายไป รวมกันไม่ได้สักคู่เดียวเลย
1ซมอ 14.31 ในวันนั้นเขาทั้งหลายฆ่าฟันคนฟีลิสเตียจากมิคมาชถึงอัยยาโลน และพวกพลก็อ่อนเพลียนัก
1ซมอ 15.8 ทรงจับอากักกษัตริย์ของคนอามาเลขได้ทั้งเป็น และได้ฆ่าฟันประชาชนเสียอย่างสิ้นเชิงด้วยคมดาบ
1ซมอ 19.8 สงครามได้เกิดขึ้นอีก ดาวิดก็ออกไปต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย และได้ฆ่าฟันเสียเป็นอันมาก เขาทั้งหลายจึงหนีไปเสียจากเธอ
1ซมอ 23.5 และดาวิดกับคนของท่านก็ไปยังเคอีลาห์ต่อสู้กับคนฟีลิสเตีย นำเอาสัตว์เลี้ยงของเขาไป และฆ่าฟันเขาทั้งหลายเสียเป็นอันมาก ดังนั้นแหละดาวิดก็ได้ช่วยชาวเมืองเคอีลาห์ให้พ้น
1ซมอ 30.17 และดาวิดก็ฆ่าฟันเขาตั้งแต่โพล้เพล้จนถึงเวลาเย็นของวันรุ่งขึ้น ไม่มีชายคนใดหนีรอดไปได้สักคนเดียว เว้นแต่ชายสี่ร้อยคนซึ่งขี่อูฐหนีไป
2ซมอ 17.2 ข้าพระองค์จะไปทันท่านเมื่อท่านยังเหนื่อยอ่อนอยู่และอ่อนกำลัง กระทำให้ท่านกลัวตัวสั่น พลทั้งปวงที่อยู่กับท่านก็จะหนีไป ข้าพระองค์จะฆ่าฟันแต่กษัตริย์
2ซมอ 17.9 ดูเถิด ถึงขณะนี้ท่านก็ซ่อนอยู่ในบ่อแห่งหนึ่ง หรือในที่หนึ่งที่ใด แล้วต่อมาเมื่อมีคนล้มตายในการสู้รบครั้งแรก ใครที่ได้ยินเรื่องก็จะกล่าวว่า ‘ทหารที่ติดตามอับซาโลมถูกฆ่าฟัน’
2ซมอ 23.10 ท่านได้ลุกขึ้นฆ่าฟันคนฟีลิสเตียจนมือของท่านเมื่อยล้า มือของท่านเป็นเหน็บแข็งติดดาบ ในวันนั้นพระเยโฮวาห์ทรงกระทำให้ได้ชัยชนะอย่างใหญ่หลวง ทหารก็กลับตามท่านมาเพื่อปล้นข้าวของเท่านั้น
2ซมอ 23.12 แต่ท่านยืนมั่นอยู่ท่ามกลางพื้นดินผืนนั้น และป้องกันที่ดินนั้นไว้ และฆ่าฟันคนฟีลิสเตีย และพระเยโฮวาห์ได้ทรงประทานชัยชนะอย่างใหญ่หลวง
2พกษ 3.24 แต่เมื่อเขามาถึงค่ายอิสราเอล คนอิสราเอลก็ลุกขึ้นต่อสู้กับคนโมอับจนเขาทั้งหลายหนีไป และเขาก็รุกหน้าเข้าไปในแผ่นดินฆ่าฟันคนโมอับ
2พศด 19.10 เมื่อมีคดีมาถึงท่านจากพี่น้องของท่านผู้อาศัยอยู่ในหัวเมืองของเขาทั้งหลาย เกี่ยวกับเรื่องฆ่าฟันกัน พระราชบัญญัติหรือพระบัญญัติ กฎเกณฑ์หรือคำตัดสิน ท่านทั้งหลายก็ควรจะตักเตือนเขา เพื่อเขาจะไม่ละเมิดต่อพระเยโฮวาห์ พระพิโรธจึงจะไม่มาเหนือท่านและพี่น้องของท่าน ท่านจงกระทำเช่นนี้ และท่านจะไม่ละเมิด
อสค 9.5 และพระองค์ตรัสกับคนอื่นๆซึ่งข้าพเจ้าได้ยินว่า “จงผ่านไปตลอดนครตามชายคนนั้นไปและฆ่าฟันเสีย นัยน์ตาของเจ้าอย่าได้ปรานี และเจ้าอย่าสงสารเลย
อสค 9.7 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “จงกระทำให้พระนิเวศเป็นมลทิน จงทิ้งผู้ที่ถูกฆ่าให้เต็มลาน จงไปเถิด” เขาทั้งหลายจึงออกไปและฆ่าฟันที่ในนคร
อสค 9.8 ต่อมาขณะที่เขากำลังฆ่าฟันอยู่นั้นเหลือข้าพเจ้าแต่ลำพัง ข้าพเจ้าก็ซบหน้าลงถึงดินร้องว่า “อนิจจา องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้า พระองค์จะทรงทำลายคนอิสราเอลที่เหลืออยู่นั้นทั้งสิ้นในการที่พระองค์ทรงระบายความกริ้วของพระองค์เหนือเยรูซาเล็มหรือ”
ดนล 11.26 ถึงแม้ว่าผู้ที่ร่วมรับประทานอาหารสูงของเขาก็จะทำลายเขา กองทัพของเขาก็จะถูกกวาดไป ที่ถูกฆ่าฟันล้มตายเสียก็มาก
ฮชย 5.2 พวกกบฏได้ฆ่าฟันให้ลึก แม้ว่าเราได้ตีสอนเขาเหล่านี้ทั้งหมด
วว 6.4 และมีม้าอีกตัวหนึ่งออกไปเป็นม้าสีแดงสด ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ได้รับอนุญาตให้นำสันติสุขไปจากแผ่นดินโลก เพื่อให้คนทั้งปวงรบราฆ่าฟันกัน และผู้นี้ได้รับดาบใหญ่เล่มหนึ่ง

เฆี่ยน ( 23 )
พบญ 22.18 ให้พวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นจับชายคนนั้นมาเฆี่ยน
1ซมอ 5.6 พระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์อยู่เหนือประชาชนอัชโดดอย่างหนัก พระองค์ทรงทำลายเขาและทรงเฆี่ยนเขาด้วยริดสีดวงทวารขั้นรุนแรง ทั้งชาวอัชโดดและเขตแดนของชาวเมืองนั้น
1ซมอ 5.9 แต่เมื่อเขาทั้งหลายนำหีบอ้อมไปเมืองนั้นแล้ว พระหัตถ์ของพระเยโฮวาห์ก็ต่อสู้เมืองนั้นกระทำให้เกิดการทำลายอย่างหนัก และทรงเฆี่ยนชาวเมืองนั้นทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คือให้เกิดริดสีดวงทวารขั้นรุนแรงขึ้นที่ส่วนลับของเขาทั้งหลาย
สภษ 17.10 คำขนาบเข้าไปในคนฉลาดลึกกว่าเฆี่ยนคนโง่สักร้อยที
อสย 1.5 ยังจะให้เฆี่ยนเจ้าตรงไหนอีกที่เจ้ากบฏอยู่เรื่อยไป ศีรษะก็เจ็บหมด จิตใจก็อ่อนเปลี้ยไปสิ้น
อสย 60.10 เหล่าบุตรชายของคนต่างด้าวจะสร้างกำแพงของเจ้าขึ้น และกษัตริย์ของเขาจะปรนนิบัติเจ้า เพราะด้วยความพิโรธของเรา เราเฆี่ยนเจ้า แต่ด้วยความโปรดปรานของเรา เราได้กรุณาเจ้า
มธ 10.17 แต่จงระวังผู้คนไว้ให้ดี เพราะพวกเขาจะมอบท่านทั้งหลายไว้กับศาล และจะเฆี่ยนท่านในธรรมศาลาของเขา
มก 13.9 แต่จงระวังตัวให้ดี เพราะคนเขาจะมอบท่านทั้งหลายไว้กับศาล และจะเฆี่ยนท่านในธรรมศาลา และท่านจะต้องยืนต่อหน้าเจ้าเมืองและกษัตริย์เพราะเห็นแก่เรา เพื่อจะได้เป็นพยานแก่เขา
ลก 12.47 ผู้รับใช้นั้นที่ได้รู้น้ำใจของนาย และมิได้เตรียมตัวไว้ มิได้กระทำตามน้ำใจนาย จะต้องถูกเฆี่ยนมาก
ลก 12.48 แต่ผู้ที่มิได้รู้ แล้วได้กระทำสิ่งซึ่งสมจะถูกเฆี่ยน ก็จะถูกเฆี่ยนน้อย ผู้ใดได้รับมาก จะต้องเรียกเอาจากผู้นั้นมาก และผู้ใดได้รับฝากไว้มาก ก็จะต้องทวงเอาจากผู้นั้นมาก
ลก 23.16 เหตุฉะนั้น เมื่อเราเฆี่ยนเขาแล้ว เราก็จะปล่อยเสีย”
ลก 23.22 ปีลาตจึงถามเขาครั้งที่สามว่า “ตรึงทำไม เขาได้ทำผิดประการใด เราไม่เห็นเขาทำผิดอะไรที่สมควรจะมีโทษถึงตาย เหตุฉะนั้นเมื่อเราเฆี่ยนเขาแล้วก็จะปล่อยเสีย”
กจ 5.40 เขาทั้งหลายจึงยอมเห็นด้วยกับกามาลิเอล และเมื่อได้เรียกพวกอัครสาวกเข้ามาแล้ว จึงเฆี่ยนและกำชับไม่ให้ออกพระนามของพระเยซู แล้วก็ปล่อยไป
กจ 16.33 ในกลางคืนชั่วโมงเดียวกันนั้นเอง นายคุกจึงพาเปาโลกับสิลาสไปล้างแผลที่ถูกเฆี่ยน และในขณะนั้นนายคุกก็ได้รับบัพติศมาพร้อมทั้งครัวเรือนของเขา
กจ 16.37 แต่เปาโลกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “เขาได้เฆี่ยนเราผู้เป็นคนสัญชาติโรมต่อหน้าคนทั้งหลายก่อนได้ตัดสินความ และได้จำเราไว้ในคุก บัดนี้เขาจะเสือกไสให้เราออกไปเป็นการลับหรือ ทำอย่างนั้นไม่ได้ ให้เขาเองมาพาเราออกไปเถิด”
กจ 18.17 บรรดาชาติกรีกจึงจับโสสเธเนสนายธรรมศาลามา เฆี่ยนข้างหน้าบัลลังก์พิพากษา แต่กัลลิโอไม่เอาธุระเลย
กจ 22.25 ครั้นเอาเชือกหนังมัดเปาโล ท่านจึงถามนายร้อยซึ่งยืนอยู่ที่นั่นว่า “การที่จะเฆี่ยนคนสัญชาติโรมก่อนพิพากษาปรับโทษนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือ”
2คร 6.9 เหมือนถูกเขาหาว่าเป็นคนไม่มีใครรู้จัก แต่ยังเป็นคนที่เขาทั้งหลายรู้จักดี เหมือนคนตาย แต่ดูเถิด เรายังเป็นอยู่ เหมือนคนถูกเฆี่ยน แต่ยังไม่ตาย
2คร 11.24 พวกยิวเฆี่ยนข้าพเจ้าห้าครั้งๆละสามสิบเก้าที
1ปต 2.20 ด้วยว่าถ้าท่านทำการชั่ว แล้วถูกเฆี่ยนเพราะการชั่วนั้น แม้ท่านทนถูกเฆี่ยนด้วยอดกลั้นใจ จะเป็นที่สรรเสริญอะไรแก่ท่าน แต่ว่าถ้าท่านทั้งหลายกระทำการดี และทนเอาการข่มเหงด้วยอดกลั้นใจเพราะการดีนั้น เช่นนี้แหละเป็นการชอบพระทัยพระเจ้า
1ปต 2.24 พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์ที่ต้นไม้นั้น เพื่อว่าเราทั้งหลายซึ่งตายจากบาปแล้ว จะได้ดำเนินชีวิตตามความชอบธรรม ด้วยรอยเฆี่ยนของพระองค์ ท่านทั้งหลายจึงได้รับการรักษาให้หาย

เฆี่ยนตี ( 17 )
พบญ 28.22 พระเยโฮวาห์จะทรงเฆี่ยนตีท่านด้วยความซูบผอม และด้วยความไข้ ความอักเสบ ความร้อนอย่างรุนแรง ด้วยดาบ ด้วยพายุร้อนกล้า ด้วยราขึ้น และสิ่งเหล่านี้จะติดตามท่านไปจนท่านพินาศ
พบญ 28.27 พระเยโฮวาห์จะทรงเฆี่ยนตีท่านด้วยฝีอียิปต์ ด้วยริดสีดวงทวารขั้นรุนแรง ด้วยโรคลักปิดลักเปิด และด้วยโรคคัน ซึ่งจะรักษาไม่ได้
พบญ 28.28 พระเยโฮวาห์จะทรงเฆี่ยนตีท่านด้วยโรควิกลจริต โรคตาบอด และให้จิตใจยุ่งเหยิง
พบญ 28.35 พระเยโฮวาห์จะทรงเฆี่ยนตีท่านด้วยฝีร้ายที่หัวเข่า และที่ขา ซึ่งท่านจะรักษาให้หายไม่ได้ เป็นตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงกระหม่อมของท่าน
สดด 69.26 เพราะเขาได้ข่มเหงผู้ที่พระองค์ทรงเฆี่ยนตี เขาเล่าถึงความเจ็บปวดของผู้ที่พระองค์ให้บาดเจ็บแล้ว
ยรม 5.3 โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระเนตรของพระองค์ทรงหาความจริงมิใช่หรือ พระองค์ทรงเฆี่ยนตีเขาทั้งหลาย แต่เขาก็ไม่รู้สึกสำนึก พระองค์ทรงล้างผลาญเขา แต่เขาทั้งหลายปฏิเสธไม่ยอมดีขึ้น เขาได้กระทำให้หน้าของเขากระด้างยิ่งกว่าหิน เขาปฏิเสธไม่ยอมกลับใจ
ยรม 14.19 พระองค์ทรงปฏิเสธไม่รับยูดาห์เสียทีเดียวแล้วหรือ พระทัยของพระองค์เกลียดศิโยนเสียแล้วหรือ ไฉนพระองค์ทรงเฆี่ยนตีข้าพระองค์ทั้งหลาย จนไม่มีการรักษาข้าพระองค์ให้หาย ข้าพระองค์ทั้งหลายมองหาสันติภาพ แต่ไม่มีความดีมาเลย เรามองหาเวลาเยียวยา แต่ประสบความสยดสยอง
มธ 20.19 และจะมอบท่านไว้กับคนต่างชาติให้เยาะเย้ยเฆี่ยนตี และให้ตรึงไว้ที่กางเขน และวันที่สามท่านจึงจะกลับฟื้นขึ้นมาใหม่”
มธ 21.35 และคนเช่าสวนนั้นจับพวกผู้รับใช้ของเขา เฆี่ยนตีเสียคนหนึ่ง ฆ่าเสียคนหนึ่ง เอาหินขว้างเสียให้ตายคนหนึ่ง
มธ 23.34 เหตุฉะนั้น ดูเถิด เราใช้พวกศาสดาพยากรณ์ พวกนักปราชญ์ และพวกธรรมาจารย์ต่างๆไปหาพวกเจ้า เจ้าก็ฆ่าเสียบ้าง ตรึงเสียที่กางเขนบ้าง เฆี่ยนตีในธรรมศาลาของเจ้าบ้าง ข่มเหงไล่ออกจากเมืองนี้ไปเมืองโน้นบ้าง
มก 10.34 คนต่างชาตินั้นจะเยาะเย้ยท่าน จะเฆี่ยนตีท่าน จะถ่มน้ำลายรดท่าน และจะฆ่าท่านเสีย และวันที่สามท่านจะเป็นขึ้นมาใหม่”
มก 12.3 ฝ่ายคนเหล่านั้นก็จับผู้รับใช้นั้นเฆี่ยนตี แล้วไล่ให้กลับไปมือเปล่า
มก 12.5 อีกครั้งหนึ่งเจ้าของใช้ผู้รับใช้ไปอีกคนหนึ่ง เขาก็ฆ่าผู้รับใช้นั้นเสีย แล้วยังใช้ผู้รับใช้ไปอีกหลายคน เขาก็เฆี่ยนตีบ้าง ฆ่าเสียบ้าง
ลก 20.10 เมื่อถึงเวลาแล้วจึงใช้ผู้รับใช้คนหนึ่งไปหาคนเช่าสวนเหล่านั้น เพื่อเขาทั้งหลายจะได้มอบผลจากสวนองุ่นแก่เขาบ้าง แต่คนเช่าสวนนั้นได้เฆี่ยนตีผู้รับใช้คนนั้นและไล่ให้กลับไปมือเปล่า
ลก 20.11 แล้วเจ้าของสวนจึงใช้ผู้รับใช้อีกคนหนึ่ง แต่คนเช่าสวนได้เฆี่ยนตีและทำการน่าอัปยศต่างๆแก่ผู้รับใช้นั้นด้วย และได้ไล่ให้กลับไปมือเปล่า
กจ 22.19 ข้าพเจ้าจึงทูลว่า ‘พระองค์เจ้าข้า คนเหล่านั้นทราบอยู่ว่า ข้าพระองค์ได้จับคนทั้งหลายที่เชื่อในพระองค์ไปใส่คุกและเฆี่ยนตีตามธรรมศาลาทุกแห่ง
ฮบ 12.6 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้ใดเป็นบุตร พระองค์ก็ทรงเฆี่ยนตีผู้นั้น’

โฆษก ( 1 )
ดนล 3.4 และโฆษกก็ประกาศเสียงดังว่า “โอ บรรดาชนชาติ ประชาชาติทั้งปวงและภาษาทั้งหลาย มีพระบัญชาแก่ท่านทั้งหลายว่า

โฆษณา ( 6 )
สดด 145.7 เขาทั้งหลายจะโฆษณาข่าวเลื่องลือให้ระลึกถึงคุณความดีอันอุดมของพระองค์ออกมา และจะร้องเพลงถึงความชอบธรรมของพระองค์
ยรม 4.5 จงประกาศในยูดาห์และโฆษณาในกรุงเยรูซาเล็ม ว่า ‘จงเป่าแตรไปทั่วแผ่นดิน จงรวมกัน จงร้องประกาศดังๆว่า มารวมกันเถิด ให้เราเข้าไปในบรรดาเมืองที่มีป้อม’
ยรม 4.15 เพราะว่ามีเสียงประกาศมาจากเมืองดาน และโฆษณาความชั่วร้ายจากภูเขาเอฟราอิม
ยรม 4.16 จงกล่าวแก่บรรดาประชาชาติ ดูเถิด จงโฆษณาแก่กรุงเยรูซาเล็มว่า บรรดาผู้ล้อมมาจากแผ่นดินไกล เขาทั้งหลายโห่ร้องเข้าใส่หัวเมืองยูดาห์
ยรม 5.20 จงประกาศข้อความต่อไปนี้ในวงศ์วานของยาโคบ และจงโฆษณาเรื่องนี้ในยูดาห์ ว่า
อมส 4.5 จงเผาบูชาโมทนาด้วยใช้สิ่งที่มีเชื้อ และประกาศการถวายบูชาด้วยใจสมัคร จงโฆษณา โอ คนอิสราเอลเอ๋ย เจ้ารักที่จะกระทำอย่างนี้นี่นะ” องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสดังนี้แหละ

 

พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับ KJV / Thai Bible King James Version

© 2003 Philip Pope